บัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนใต้ล็อต 2 ว่อนเน็ต!
เอกสารอ้างเป็นบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนว่อนเน็ต ระบุชื่อหน่วยงานรัฐภาคใต้ตอนล่างรับสินบนเพียบ เป็นตำรวจเยอะสุด ยอดเงินตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน คาดผู้ค้าโดนรีดหนักจนทนไม่ไหว หรือเจ้าหน้าที่สีเทาอาจขัดผลประโยชน์กันเอง
เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 5 มี.ค.58 มีการเผยแพร่ภาพเอกสารที่อ้างว่าเป็นบัญชีจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วย จากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียด้าน อ.สะเดา จ.สงขลา ผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ
จุดเริ่มต้นของการแชร์ภาพถ่ายเอกสารบัญชีส่วยดังกล่าว น่าจะมาจากผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ "ว๊ากกกกก กูขำ" โดยได้โพสต์ภาพบัญชีส่วยที่บันทึกจากกล้องโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตยี่ห้อหนึ่ง จำนวน 6 ภาพ พร้อมข้อความว่า "งานเข้าแล้วใครจะเดี้ยงบ้างละงานนี้ เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนของเถื่อนแถวสะเดา แถวปาดังเปซาร์ดับเครื่องชนเอาบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนของเถื่อนมาโพสต์ในไทม์ไลน์บัญชียาวเลย"
รายละเอียดในบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนที่ว่านี้ มีการเรียงลำดับชื่อหน่วยงาน ชื่อผู้รับเงิน และจำนวนเงินที่จ่ายไว้อย่างชัดเจน โดยชื่อหน่วยงานส่วนใหญ่ระบุเป็นตัวย่อ เป็นหน่วยงานในพื้นที่ จ.สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และจังหวัดใกล้เคียงประปราย รวมทั้งหน่วยงานในส่วนกลาง เกือบทั้งหมดเป็นตำรวจ ทั้งตำรวจภูธรภาค ตำรวจภูธรจังหวัด และโรงพัก รวมทั้งตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจน้ำ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สันติบาล นอกจากนั้นยังมีศุลกากร สรรพากร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ปกครองท้องที่ (กำนัน) และอาสารักษาดินแดน หรือ อส.ด้วย
สำหรับชื่อผู้รับเงินของแต่ละหน่วยงาน เป็นชื่อเล่นพร้อมตำแหน่ง บางหน่วยงานมีชื่อผู้รับเป็นชื่อจริงพร้อมตำแหน่งในหน่วยงาน พร้อมจุดที่ตั้งด่าน คาดว่าเป็นขบวนการขนส่งน้ำมันเถื่อนทางรถยนต์ทั้งหมด และบางหน่วยงานไม่ได้รับเป็นเงินอย่างเดียว แต่ใช้การจับหัวลาก ซึ่งน่าจะหมายถึงรถหัวลากคอนเทนเนอร์ เป็นการสร้างผลงาน ส่วนจำนวนเงินที่จ่ายมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท
ที่น่าสนใจยังมีการระบุชื่อหน่วยพิเศษในส่วนกลาง เช่น ปนม. ซึ่งคาดว่าหมายถึง งานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย โดยตัวเลขที่ระบุว่าจ่ายให้บุคคลในหน่วยงานนี้ อยู่ที่ 390,000 บาท ซึ่งสูงที่สุดในบัญชีที่ปรากฏ
นอกจากนั้น ในบัญชีส่วยยังมีชื่อทหาร 2 หน่วยในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเงิน 7,000 บาท และ 15,000 บาทด้วย
สำหรับโพสต์ภาพถ่ายเอกสารบัญชีส่วยที่ถูกโพสต์ขึ้นในเฟซบุ๊คดังกล่าวนี้ มีผู้แชร์ไปแล้วกว่า 700 คน (ณ เวลา 18.00 น.) และมีผู้ใช้เฟซบุ๊คเข้าไปแสดงความติดเห็นหลายราย ส่วนใหญ่อยากให้มีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่มีรายชื่อในบัญชีดังกล่าว บางรายก็แสดงความคิดเห็นว่า เจ้าหน้าที่คงไม่ดำเนินการเอาผิดพวกเดียวกัน บางรายก็อยากให้ทหารเข้ามาจัดการ
สาเหตุของการเผยแพร่บัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ มีการวิเคราะห์กัน 2 สมมติฐาน คือ 1.กลุ่มผู้ค้าน้ำมันหนีภาษีไม่พอใจเจ้าหน้าที่ที่อาจเรียกเก็บส่วยหรือค่าคุ้มครองหนักขึ้น หลังจากเกิดข่าวครึกโครมกรณี "เสี่ยโจ้" หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน นักค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
กับ 2.เป็นความขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ต่างหน่วยงานที่อาจแบ่งสรรปันส่วนเงินสินบนไม่ลงตัว
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางถึงปลายปี 2557 เกิดกรณีครึกโครมเกี่ยวกับส่วยน้ำมันเถื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว จากการที่เจ้าหน้าที่เข้าค้นสำนักงานของนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ที่ จ.ปัตตานี และอ้างว่าพบบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนที่จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน สูงสุดถึง 12 ล้านบาท โดยบัญชีส่วยดังกล่าวพัวพันเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก โดยเฉพาะตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่กลับมีการดำเนินคดีเฉพาะกลุ่มของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (อดีต ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันคดีดังกล่าวศาลพิพากษาจำคุกทั้งสามคนไปแล้ว เนื่องจากรับสารภาพ
ขณะที่ นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้หลบหนีคำพิพากษาจำคุกของศาลจังหวัดปัตตานี ในคดีใช้ดวงตราประทับเข้าเมืองปลอม เมื่อวันที่ 9 ต.ค.57 และจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ภาพถ่ายที่อ้างว่าเป็นบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนที่ผู้ค้าจ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานในภาคใต้ ซึ่งส่งต่อกันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย