"จม.เปิดผนึก" ถึงก.ศป.เรียกร้อง"หัสวุฒิ" เสียสละหยุดปฏิบัติหน้าที่
"..องค์กรศาลปกครองเป็นสถาบันที่ใช้อำนาจตุลาการในการให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน การที่ประธานศาลปกครองสูงสุดเองมีกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่สมควรหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หากยังคงปฏิบัติราชการได้ ย่อมทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนขาดความเชื่อถือและศรัทธาในสถาบันศาลปกครองและตำหนิได้ว่าขาดมาตรฐานทางคุณธรรมที่สถาบันศาลพึงกระทำ.."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เมื่อวันที่ 24 ก.พ.58 กลุ่มตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ได้ทำ "จดหมายเปิดผนึก" เรื่องเสนอข้อคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา ของ ก.ศป. โดยเรียกร้องให้ นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด เสียสละ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างที่ถูกสอบสวนกรณีจดหมายน้อยฝากตำรวจ รวมถึงกรณีการร้องเรียนต่างๆ เพื่อความเป็นอิสระในกระบวนการสอบสวน และเพื่อความสง่างามของตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด
--------------
ตามที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ในคราวประชุมเมื่อวันพุธที่ 18 ก.พ.58 ได้มีมติเห็นชอบด้วยกับผลการสืบสวนข้อเท็จจริงและให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนประธานศาลปกครองสูงสุด ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 นั้น
ในนามของตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ขอถือโอกาสนี้แสดงความห่วงใยต่อภาพลักษณ์ของสถาบันศาลปกครอง และขอเรียนเสนอความเห็นเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของ ก.ศป.ดังนี้
1.เนื่องจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นตำแหน่งประมุขขององค์กร ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดจึงต้องดำรงตนอยู่ในสถานะที่เป็นแบบอย่างและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อยู่ในองค์กรทุกคนถึงการมีพฤติกรรมที่สะอาด โปร่งใส่ ไม่เป็นที่สงสัยในการดำรงตนที่ไม่เหมาะสม
ดังนั้นการที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงแต่ยังสามารถปฏิบัติราชการได้ ประกอบกับยังจะต้องมีการสอบกรณีที่ถูกกล่าวหาอีกหลายกรณีเช่นนี้ ย่อมมีความมัวหมองเกิดขึ้นต่อความเป็นประมุขของสถาบันศาลปกครอง ซึ่งหากจะพิจารณาโดยใช้มาตรฐานเทียบเคียงกับศาลยุติธรรมซึ่งประธานศาลฎีกาจะสั่งพักราชการข้าราชการตุลาการที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 เสมอ เพื่อมิให้ตุลาการศาลยุติธรรมมีความมัวหมองได้
2. องค์กรศาลปกครองเป็นสถาบันที่ใช้อำนาจตุลาการในการให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน การที่ประธานศาลปกครองสูงสุดเองมีกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่สมควรหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หากยังคงปฏิบัติราชการได้ ย่อมทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนขาดความเชื่อถือและศรัทธาในสถาบันศาลปกครองและตำหนิได้ว่าขาดมาตรฐานทางคุณธรรมที่สถาบันศาลพึงกระทำ
3. เนื่องจากกระบวนการสอบสวนจะต้องดำเนินไปด้วยความอิสระ ปราศจากอุปสรรคและการแทรกแซง แต่จากปฏิบัติของประธานศาลปกครองสูงสุดที่ผ่านมา แสดงออกถึงความพยายามที่จะคัดค้านการดำเนินงานของ ก.ศป. ดังเช่นการปฏิเสธการมีอยู่ของ ก.ศป. การพยายามออกกฎหมายเพื่อยุบ ก.ศป. ชุดปัจจุบัน การให้ทนายความมีจดหมายห้ามมิให้ ก.ศป.ปฏิบัติหน้าที่ การที่มีบุคคลใกล้ชิดฟ้องคดีอาญา ก.ศป. และตุลาการ และการมีหนังสือคัดค้านการทำหน้าที่ของ ก.ศป.ในการประชุมทุกครั้ง
ทำให้มีแนวโน้มว่ากระบวนการเช่นนี้ อาจเกิดขึ้นและจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานของคณะกรรมการสอบสวน และจะเสียหายแก่ราชการของศาลปกครองเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น ควรที่ ก.ศป.จะร้องขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้เสียสละด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างถูกสอบสวนเสียก่อนก็จะเป็นเรื่องที่ดีต่อองค์กร เป็นการแสดงถึงความรักในองค์กรยิ่งกว่าประโยชน์ของตนเอง และเป็นการไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือในกรณีที่ไม่อาจรอได้ หรือการร้องขอไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ควรที่ ก.ศป.จะใช้อำนาจของ ก.ศป. เสียเองตามที่บัญญัติไว้มาตรา 24 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
ทั้งนี้ เพื่อความสง่างามของตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด และขององค์กรศาลปกครองสืบไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
กลุ่มตุลาการศาลปกครองชั้นต้น
(ดูจดหมายเปิดผนึกประกอบ)