7 วันเดินสานใจฯถึงจุดหมาย หวังเห็นสันติภาพรำไรชายแดนใต้
หนึ่งสัปดาห์เต็มของการเดินสานใจสู่สันติชายแดนใต้ หลังเริ่มก้าวแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ก.พ.58 ที่ อ.เมืองยะลา วันนี้ (21 ก.พ.) คณะรณงค์เดินเท้าถึงจุดหมายที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสแล้ว
คณะเดินสานใจสู่สันติฯ เดินเท้าวันละประมาณ 25-30 กิโลเมตร หลายคนไม่เคยมีประสบการณ์การเดินมาก่อน แต่ก็มาเดินกันด้วยใจจริงๆ ได้รับมิตรภาพและน้ำใจตามไหล่ทาง ทั้งอาหาร ที่พัก ทุนสนับสนุนจากพี่น้องในพื้นที่และต่างพื้นที่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ในวันสุดท้ายของการเดิน คือ วันเสาร์ที่ 21 ก.พ. คณะออกเดินจากโรงเรียนบ้านศาลาใหม่ ไปยังมัสยิดยาตุลอิสลามียะห์ ต่อไปยังวัดชลธาราสิงเห จนถึงจุดสุดท้าย คือ โรงเรียนตากใบ มีพี่น้องในพื้นที่มาร่วมเดินกันอย่างอบอุ่นทุกศาสนิก พูดคุยไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันอย่างออกรส ซึมซับได้ถึงความห่วงใย ปรารถนาดีที่มีให้แก่กัน
งามศุกร์ รัตนเสถียร หนึ่งในคณะเดินสานใจสู่สันติฯ บอกว่า ได้รับพลังใจจากสองข้างทางอย่างเหลือล้น ทำให้คลายความเหนื่อยและความเจ็บเท้าลงได้อย่างมาก
"โดยส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งที่ทำในครั้งนี้จะแปลงน้ำใจที่มีสู่สันติได้ เชื่อว่าสันติวิธีมิได้พ่ายแพ้ วิธีการและเป้าหมายนั้นสำคัญเสมอ ความเป็นมนุษย์ตัดข้ามพรมแดนเชื้อชาติและศาสนา ด้วยการส่งผ่านความห่วงใย รอยยิ้ม และน้ำใจ มิตรภาพที่เกิดขึ้นจะอยู่ในความทรงจำไปอีกยาวนาน"
ขณะที่ ตัสนีม แท่นบำรุง เยาวชนจากบ้านอาสาเด็กและเยาวชน จ.ปัตตานี ซึ่งร่วมเดินระยะสั้น 2 ครั้ง บอกว่า จากการเป็นเด็กทุนของเอสซีจี (กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์ไทย) ซึ่งเป็นทุนที่ได้มาเพราะผู้ปกครองทำงานเพื่อสังคม เมื่อมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น เห็นการทำงานของครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องสิทธิเพื่อให้พื้นที่เกิดสันติภาพมาตลอด และเป็นสิ่งที่ครอบครัวปลูกฝังให้เรียนรู้เรื่องสันติภาพ จึงตัดสินใจร่วมเดินในครั้งนี้ด้วย
"ตลอดสองข้างทางมีแต่พี่น้องที่คอยให้กำลังใจ โบกมือส่งรอยยิ้มให้แก่กัน ภาพเหล่านั้นคือแรงบันดาลใจให้พวกเราเดินไปข้างหน้าเพื่อสันติภาพและความปลอดภัยที่จะกลับมาอีกครั้ง ทุกคนล้วนอยากเห็นสันติภาพและความปลอดภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้ แม้ว่าตอนนี้อาจมองไม่เห็นทางว่าจะเกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นเยาวชนก็หวังว่า ในวันหนึ่งข้างหน้าสันติภาพและความสงบต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
ภาพแห่งความทรงจำ ทั้งความเข้าใจ ความรัก ห่วงใย และความสามัคคี ตลอดจนมิตรภาพที่มีให้แก่กันอย่างไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา ภายใต้ความเท่าเทียมและเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน คือสิ่งสำคัญที่เชื่อมร้อยความสัมพันธ์ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน
และนั่นคือสายใยที่ถักทอสันติภาพให้ปรากฏขึ้่นอย่างรำไรในดินแดนที่ใครๆ ก็บอกว่าร้อนระอุ...แห่งนี้!