วิเคราะห์ 6 ปัจจัยคาร์บอมบ์นราฯทำลายบรรยากาศสันติสุข
คาร์บอมบ์ลูกแรกของปี 58 ซึ่งเกิดขึ้นในเขตเมืองนราธิวาส เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 20 ก.พ.58 ส่งผลทางจิตวิทยาอย่างสูงต่อปัญหาความไม่สงบในพื้นที่
ภาพที่ภาครัฐทั้งฝ่ายความมั่นคงและพัฒนาเพียรสร้างว่าสถานการณ์ชายแดนใต้กำลังดีขึ้น สถิติเหตุรุนแรงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดไปจัดกิจกรรมถึงที่กรุงเทพฯ...พังทลายลงในพริบตา!
สาเหตุที่ระเบิดลูกนี้ก่อผลทางจิตวิทยาค่อนข้างสูง มาจากหลายปัจจัย ได้แก่
1.จุดเกิดเหตุอยู่ในเขตเมืองนราธิวาส ในย่านคาราโอเกะ แม้จะไม่ใช่ย่านเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดหรือสำคัญที่สุดของเมือง เพราะหากนับย่านคาราโอเกะในเขตเมืองนราฯก็ยังมีย่านอื่นที่หนาแน่นกว่า ทว่าการก่อเหตุรุนแรงที่ได้ชื่อว่าอยู่ในเขต อ.เมือง ไม่ห่างจากถนนสายใหญ่ ทำให้คนนอกพื้นที่รู้สึกว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นกลางเมืองซึ่งเป็นย่านชุมชนอีกแล้ว
2.รูปแบบระเบิดที่เป็น “คาร์บอมบ์” ซึ่งห่างหายไปนานจากในพื้นที่ ทำให้ภาพความรุนแรงถูกเพิ่มน้ำหนักเป็นทวีคูณ เพราะเป็นรูปแบบระเบิดชนิดร้ายแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้
3.การเลือกจังหวะเวลาก่อเหตุเป็นช่วงเวลากลางวัน เรียกได้ว่า “กลางวันแสกๆ” ซ้ำยังเป็นช่วง “วันเที่ยว” ของเทศกาลตรุษจีน ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงน่าสะพรึงกลัว เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ฝ่ายความมั่นคงจะเพิ่มกำลังเป็นกรณีพิเศษ แต่เมื่อคนร้ายยังก่อเหตุได้ ย่อมทำให้คนรู้สึกว่ากลุ่มก่อความไม่สงบยังสามารถสร้างสถานการณ์ได้ตลอดเวลาตามที่ตนเองต้องการ แม้ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ตาม
4.วันศุกร์ที่ 20 ก.พ.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ เป็นช่วงเวลาที่คณะเดินสานใจสู่สันติชายแดนใต้ ที่จัดโดยภาคประชาสังคมในพื้นที่ เพิ่งเดินผ่าน จ.นราธิวาส ในกิจกรรมเดินรณรงค์ทั้งสามจังหวัด และกำลังมุ่งหน้าสู่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้บรรยากาศการรวมพลังเพื่อสันติภาพลดน้ำหนักลง
5.เป็นการก่อเหตุหลังจากปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคงที่เข้าตรวจค้นสถาบันปอเนาะใน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และพบอาวุธปืนสงครามกับวัตถุระเบิดจำนวนไม่น้อย จนเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลการปฏิบัติไปยังสถาบันปอเนาะอื่นๆ อีกหลายแห่ง
การเกิดคาร์บอมบ์ช่วงนี้ทำให้การวิเคราะห์สถานการณ์สับสนยิ่งขึ้นว่าเป็นการตอบโต้จากปฏิบัติการค้นปอเนาะหรือไม่
6.เป็นการก่อเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ในช่วงที่รัฐบาลไทยกำลังเร่งกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยสถานภาพที่ว่า “รัฐคุมพื้นที่ได้ดีขึ้นระดับหนึ่ง” เหตุการณ์ครั้งนี้จึงส่งผลลดทอนความเชื่อมั่นที่ฝ่ายต่างๆ มีต่อรัฐไปพอสมควร
ทั้งนี้ แม้ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) จะมองภาพเหตุการณ์คาร์บอมบ์เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในพื้นที่ในอีกลักษณะหนึ่ง แต่ก็ยังมีหลายคำถามที่ค่อนข้างคาใจ
พล.ต.ท.อนุรุต กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” เอาไว้ดังนี้
“เหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่การทำลายพื้นที่เศรษฐกิจ เพราะจุดเกิดเหตุไม่ได้เป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ มีร้านคาราโอเกะไม่มากนัก จึงมองว่าเป็นเรื่องของการตอบโต้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า”
“การตอบโต้ที่ว่านี้มี 2 เรื่อง คือ 1.ตอบโต้งานมวลชนและงานการเมืองที่ฝ่ายรัฐทำได้ดีขึ้น มีการใช้กองกำลังภาคประชาชนมาร่วมป้องกันเหตุร้ายกับฝ่ายรัฐมากกว่าเดิม กับ 2.ตอบโต้การปิดล้อมตรวจค้นที่สามารถจับกุมบุคคลและยึดอาวุธยุทปโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก”
“การก่อเหตุรุนแรงไม่ได้เป็นการทำลายบรรยากาศสันติภาพ และไม่ได้เกี่ยวกับการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ เพราะการพูดคุยไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมานานแล้ว มีการพูดคุยกันมาตลอด”
พล.ต.ท.อนุรุต กล่าวทิ้งท้ายว่า เหตุคาร์บอมบ์ในเขตเมืองนราธิวาสครั้งนี้ เป็นเพราะฝ่ายความมั่นคงทุ่มกำลังรักษาความปลอดภัยในช่วงกลางคืนมากเป็นพิเศษ เพราะประเมินว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ในช่วงกลางคืน ทำให้ช่วงกลางวันมีกำลังพลน้อยกว่าปกติ หลังจากนี้ก็จะปรับกำลังใหม่ให้สมดุลมากขึ้นต่อไป
น่าคิดว่าการวิเคราะห์สถานการณ์และปรับแผนของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นและบรรยากาศของความสงบสุขกลับคืนมาได้เพียงใด...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 เจ้าหน้าที่อีโอดีกำลังเข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ในเขตเมืองนราธิวาส
2 พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ