คปก.เสนอคงไว้ 5 องค์กรอิสระตามรธน. เลิกควบรวม กสม.-ผู้ตรวจการฯ
คปก.เสนอคงไว้ 5 องค์กรอิสระตามรธน. แนะคณะกรรมการสิทธิฯ ควรเป็นอิสระจากผู้ตรวจการฯ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) โดยศาสตราจารย์ ดร. คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ได้ลงนามบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง “องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ” เพื่อนำไปสู่การเสนอแนวทางการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
โดยมีความเห็นว่า องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญที่จำเป็นจะต้องคงไว้อยู่ในรัฐธรรมนูญมี 5 องค์กร ได้แก่
1. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
2. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
3. ผู้ตรวจการแผ่นดิน
4. คณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)
5. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
สำหรับกรณีข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้มีการควบรวม กสม.กับผู้ตรวจการฯ คปก.มีความเห็นว่า ตามหลักการแล้วทั้งสององค์กรทำหน้าที่แตกต่างกัน กล่าวคือ กสม.มีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำหรือการะละเลยการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนและกติกาอนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี ในขณะที่ผู้ตรวจการฯ ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้กรอบกฎหมายโดยที่การกระทำดังกล่าวอาจจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ได้
"การรวมองค์กรกันจะทำให้การทำหน้าที่ขาดความชัดเจน และส่งผลให้ประชาชนขาดโอกาสในสิทธิที่ตนควรได้รับการคุ้มครอง ดังนั้น คปก.จึงเห็นว่าไม่ควรควบรวม"
ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการทำงานของทั้งสององค์กรนั้น สำหรับผู้ตรวจการแผ่นดิน คปก.เสนอให้รัฐธรรมนูญจะต้องกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกับองค์กรอื่นโดยเฉพาะอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบจริยธรรมและการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่วน กสม.นั้น เสนอให้คงไว้ซึ่งความเป็นอิสระและอำนาจการฟ้องคดีของคณะกรรมการสิทธิฯ ในการฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองรวมถึงศาลยุติธรรม นอกจากนี้จะต้องกำหนดการสรรหาคณะกรรมการสิทธิฯ และผู้ตรวจการแผ่นดินให้ยึดโยงกับภาคประชาสังคมและมีที่มาจากความหลากหลาย โดยคำนึงถึงความเสมอภาคระหว่างเพศด้วย
ด้านกกต.นั้น มีความเห็นว่าควรเป็นองค์กรที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นเช่นเดิม และจะต้องบริหารจัดการเลือกตั้งและดำเนินคดีเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว โดยควรจัดทำระบบฐานข้อมูลที่มาของเงินบริจาคที่ถูกต้องและเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อช่วยลดปัญหาการซื้อเสียง นอกจากนี้กระบวนการการสรรหากกต.จะต้องมีความเชื่อมโยงกับประชาชนเป็นสำคัญ
คปก.ยังมีความเห็นต่อ ป.ป.ช.ว่าควรจะต้องแก้ไขระยะเวลาในการไต่สวนวินิจฉัยคดีให้มีความรวดเร็วขึ้น โดยเห็นว่าไม่ควรมี ป.ป.ช.จังหวัด และควรแยกป.ป.ช.กับ ปปท.ออกเป็น 2 สำนักงาน โดยเสนอให้สำนักงาน ปปท.ขึ้นกับสำนักงานป.ป.ช. โดยให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระ ทั้งนี้ การดำเนินคดีทุจริตจะต้องเป็นไปตามหลักการของกระบวนการยุติธรรม
สำหรับ คตง. มีเห็นว่าควรบัญญัติอำนาจหน้าที่ของ คตง.ไว้ในระดับรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนและให้เป็นองค์กรอิสระ โดยต้องคำนึงถึงที่มาการสรรหาคณะกรรมการและการดำเนินการให้มีการฟ้องคดีอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันคตง.ต้องส่งสำนวนไต่สวนให้ป.ป.ช.ก่อนทำให้คดีล่าช้าจนเป็นเหตุให้ขาดอายุความหรือผู้กระทำผิดหลุดพ้นจากความรับผิดทางแพ่งได้