จาก“ทักษิณ”ถึง“ยิ่งลักษณ์”ขึ้นศาลฎีกาฯ ย้อนเบื้องลึกคดี“ถุงขนม” 2 ล้าน
“…โดยในวันเกิดเหตุ “คนใกล้ชิด” รายนี้โทรศัพท์หา “บิ๊กศาลฎีกา” บอกว่า “จะมีของไปให้” ซึ่ง “บิ๊กศาลฎีกา” รายนี้ก็ไม่ได้เอะใจว่าเป็นของอะไร คิดว่าเป็นของฝากธรรมดา จนกระทั่งกลับมาที่สำนักงานศาลฎีกา เปิดถุงขนม ปรากฏว่าเป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท…”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นคนในตระกูล “ชินวัตร” คนที่ 2 ที่เข้าสู่การพิจารณาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด
ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยถูกศาลฎีกาฯพิจารณาคดีมาแล้ว ในช่วงปี 2550 กรณีคุณหญิงพจมานซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก เนื้อที่ประมาณ 33 ไร่ ราคา 772 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกฯ ร่วมลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรส
ก่อนที่ช่วงปี 2551 ศาลฎีกาฯจะพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ลงโทษจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี ส่วนคุณหญิงพจมานให้ยกฟ้อง
ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องดิ้นรนหนีออกนอกประเทศไทย และพักอาศัยอยู่ต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน !
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ช่วงก่อนที่คดีซื้อที่ดินรัชดาจะตัดสิน ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ “หิ้วถุงขนม” ฝาก “บิ๊กศาลฎีกา”
จนนำไปสู่การจำคุก “พิชิต ชื่นบาน” หัวหน้าทีมทนายความ พร้อมพวก เป็นเวลา 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล
ขณะที่ในปัจจุบันชื่อของ “พิชิต” ก็ปรากฏเป็น “หัวหอก” นำทีมทนายความต่อสู้คดีให้กับ “ชินวัตรผู้น้อง” น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกครั้งในศาลฎีกาฯ กับคดีโครงการรับจำนำข้าว
น่าแปลกใจว่า “พิชิต” มีพฤติการณ์เช่นนี้ ส่วนการต่อสู้คดีให้ “พี่ชาย” พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า แต่ครอบครัวชินวัตรก็ยังไว้วางใจให้เป็น “มือหนึ่ง” ดูแลด้านกฎหมายเช่นเดิม
เพื่อให้เห็นภาพกรณี “หิ้วถุงขนม” แบบชัด ๆ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ล้วงเบื้องลึกแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนให้เห็น ดังนี้
ในช่วงก่อนการตัดสินคดีซื้อที่ดินรัชดาของ “ทักษิณ-พจมาน” มีคนใกล้ชิดครอบครัวชินประดุจเครือญาติคนหนึ่ง ร่วมเรียนหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง วิทยาลัยการยุติธรรม ศาลยุติธรรม (บยส.) กับ “บิ๊กศาลฎีกา” รายหนึ่ง
โดยในวันเกิดเหตุ “คนใกล้ชิด” รายนี้โทรศัพท์หา “บิ๊กศาลฎีกา” บอกว่า “จะมีของไปให้” ซึ่ง “บิ๊กศาลฎีกา” รายนี้ก็ไม่ได้เอะใจว่าเป็นของอะไร คิดว่าเป็นของฝากธรรมดา
จนกระทั่งกลับมาที่สำนักงานศาลฎีกา เปิดถุงขนม ปรากฏว่าเป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท
ด้วยความตกใจ และไม่ได้คิดอะไร จึงรีบนำ “ถุงขนม” กลับไปคืนให้ “เจ้าของ” แต่เผอิญว่ามีเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาฯถ่ายรูปเก็บไว้ จนปรากฏเป็นเรื่องอื้อฉาว ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งของสื่อหลายสำนัก เรื่องนี้จึงแดงขึ้นมา
เป็นน่าสังเกตว่า ถ้าดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดในเรื่องการให้สินบนเจ้าพนักงาน และให้ทรัพย์สินโดยมิชอบ ผู้ที่รับมาต้องรีบไปแจ้งความในทันที และเก็บของกลางไว้ เพราะถือเป็นหลักฐานสำคัญ ที่จะสาวถึงตัวผู้ให้สินบนตัวจริงได้
หลังจากนั้นเมื่อปรากฏเป็นข่าว ประธานศาลฎีกา ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และตั้งองค์คณะไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งในที่สุด “พิชิต-ทีมทนาย”ตกเป็นผู้รับบาป
ในทางกลับกันหากมีการแจ้งความและเก็บ"ถุงขนม"ไว้เป็นหลักฐาน อาจมีคนที่ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมและสามารถสาวถึง “คนใกล้ชิดชินวัตร” ด้วยก็ได้
ท้ายสุดตำรวจก็สรุปคดีว่า กรณีการติดสินบนนั้นหลักฐานไม่เพียงพอ เลยโดนคดีละเมิดอำนาจศาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จนนำไปสู่การลงโทษจำคุก "พิชิต-ทีมทนาย" 6 เดือน
ส่วนที่ว่าทำไม “บิ๊กศาลฎีกา” ไม่รีบไปแจ้งความนั้น ความเห็นของ “ผู้ใหญ่ศาลฎีกา” เห็นว่า ทำไปด้วยความตกใจ ไม่มีเจตนาจะช่วย “คนใกล้ชิดชินวัตร” แต่อย่างใด
ทั้งหมดคือข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังในคดี “ถุงขนม” ที่ถูกเก็บเงียบอยู่ในศาลฎีกาฯมากว่า 7 ปี
ต้องจับตาดูว่าในการต่อสู้คดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อัยการสูงสุด (อสส.) เตรียมส่งตัวฟ้องต่อศาลฎีกาฯในวันที่ 19 ก.พ.นี้
“พิชิต” ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมทนายความ จะต่อสู้ด้วย “รูปแบบเดิม ๆ” หรืองัด “กลยุทธ์ใหม่” ขึ้นมาห้ำหั่น
ต้องลุ้นต่อไปด้วยใจระทึก !
คำสั่งศาลฎีกาฉบับเต็ม : คำสั่งศาลฎีกาฉบับเต็ม คดีละเมิดอำนาจศาลปมถุงขนม 2 ล.
#เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews"
อ่านประกอบ :
"ประยุทธ์"เบรก"ยิ่งลักษณ์"บินฮ่องกงพบ"แม้ว"8ก.พ.-พิชิต ปัดไม่ทราบเรื่อง
อสส.นัดป.ป.ช.ส่งตัว“ปู”คดีข้าว19 ก.พ.ชนวนเหตุ "บิ๊กตู่"สั่งห้ามบินนอก
"พิชิต"ยัน"ยิ่งลักษณ์" อยู่ในไทย-ปัดยังไม่ได้รับหมายเรียกอสส.ส่งตัวคดีข้าว
เบื้องหลังแผนสกัด “ปู"ออกนอกปท. สะเทือน“กลุ่มการเมือง”สกัด “ท่อน้ำเลี้ยง”