กม.ความลับทางการค้าฉบับใหม่ บังคับใช้แล้ว เริ่ม 6 ก.พ.
พ.ร.บ.ความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ แก้ไขเพิ่มเติมโทษเจ้าหน้าที่ผู้เปิดเผยความลับโดยมิชอบ
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติความลับทางการค้า(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๘ และให้มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ พระราชบัญญัติความลับทางการค้าพ.ศ. ๒๕๔๕ มีบทบัญญัติบางประการที่เป็นอุปสรรคต่อการแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการความลับทางการค้า
อีกทั้งโทษที่กําหนดไว้สําหรับผู้มีตําแหน่งหน้าที่ในการดูแลรักษาความลับทางการค้าและผู้เปิดเผยข้อเท็จจริงซึ่งได้มาหรือล่วงรู้จากการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติความลับทางการค้า(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๘ มี ๑๐ มาตรา โดยมีสาระสำคัญในมาตรา ๓ ที่ว่า ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๕และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๑๖ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการความลับทางการค้า”ประกอบด้วย
(๑) ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ
(๒) อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นรองประธานกรรมการ
(๓) อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นกรรมการ
(๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในสาขาเกษตรศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นิติศาสตร์ พาณิชยศาสตร์แพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ อุตสาหกรรม
หรือสาขาอื่นใดที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้จํานวนไม่เกินสิบเอ็ดคน โดยในจํานวนนี้ให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในภาคเอกชนอย่างน้อยหกคน และให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ
ขณะที่มาตรา ๙ ระบุว่า ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๕และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๓๔ ผู้ใดโดยเหตุที่ตนมีตําแหน่งหน้าที่ในการดูแลรักษาความลับทางการค้าตามระเบียบที่ออกตามความในมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง เปิดเผยหรือใช้ความลับนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
นอกจากนี้ มาตรา ๑๐ ระบุว่า ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติความลับทางการค้าพ.ศ. ๒๕๔๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๓๕ ผู้ใดเปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของผู้ควบคุมความลับทางการค้าอันเป็นข้อเท็จจริงที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ซึ่งตนได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับเว้นแต่เป็นการเปิดเผยในการปฏิบัติราชการ หรือเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี”
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี