เบื้องหลัง!เอ็มไพร์ฯทุ่ม5 พันล.ซื้อข้าว-ตีเช็คธ.ก.ส.ประกันซองวันเดียว100 ล.
"...คำถามที่น่าสนใจคือ บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด นำแหล่งเงินจากไหน มาออกแคชเชียร์เช็ค กับ ธ.ก.ส. กว่า 100 ล้านบาท เพื่อวางเป็นหลักค้ำประกันซองในการซื้อข้าวของรัฐบาลครั้งนี้ รวมถึงเงินจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท ที่จะนำมาจ่ายรัฐบาล ในภายหลังหากได้รับอนุมัติ ให้ซื้อข้าวด้วย.."
ไม่ว่าเหตุผลการเข้ามาติดต่อขอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ค้างอยู่จากโครงการรับจำนำข้าว ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของบริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งปรากฎชื่อ นางสุดา คุณจักร อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จะมีเหตุผลเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรก็สุดแล้วแต่
(อ่านประกอบ : เปิดตัว"เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์"เครือข่ายสยามอินดิก้าโผล่ซื้อข้าวสต๊อกรัฐ?)
แต่ข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ล่าสุด
คือ ในการเข้ามาติดต่อขอซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลครั้งนี้ ราคาเสนอซื้อข้าวของบริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ยื่นเข้ามาให้พิจารณา มีราคารวมมากกว่า 5 พันล้าน สำหรับปริมาณข้าวจำนวน 4 แสนกว่าตัน
"บริษัท เอ็มไพร์ฯ ยื่นเสนอขอซื้อข้าวจากคลังรัฐบาล จำนวน 47 แห่ง ปริมาณข้าว 443,993 ตัน ให้ราคาอยู่ที่ 5,049,246,929 บาท"
โดยในการซื้อข้าวแต่ละคลัง มีการนำแคชเชียร์เช็ค ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สาขาบางเขน มาวางไว้เป็นหลักประกันซองการซื้อข้าวแต่ละคลัง จำนวน 47 ใบ รวมวงเงินกว่า 100 ล้านบาท มาวางไว้ด้วย
ขณะที่แคชเชียร์เช็ค ธ.ก.ส.ทั้ง 47 ใบ ถูกสั่งจ่ายในวันเดียวกัน คือ 27 ม.ค.58
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ปีล่าสุด 2556 ที่นำส่งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557
ระบุว่า บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าและบริการ 60,469,632.50 บาท รายได้อื่น 10,003,213.84 บาท
รวมรายได้ 70,472,846.34
ส่วนรายจ่าย บริษัทฯ แจ้งว่ามีต้นทุนค่าเช่าและบริการ 35,573,291.48 บาท ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 4,760,974.82 บาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 1,417.32 บาท
รวมรายจ่าย 40,335,683.62 บาท
มีกำไรสุทธิ 23,417,294.75 บาท
ส่วนข้อมูลสินทรัพย์ บริษัทฯ แจ้งว่า มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 3,433,544.78 บาท มีลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 114,633,350.57 บาท มีวัสดุคงเหลือ 419,112.90 บาท รวมสินค้าคงเหลือ 419,112.90 บาท
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 118,486,008.25 บาท
ส่วนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
มีเงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพัน 24,300,000 บาท
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 63,012,092.57 บาท
อุปกรณ์ - สุทธิ 552,045,089.91 บาท
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 640,614,862.31 บาท
รวมสินทรัพย์ทั้งหมด 759,100,870.56 บาท
ส่วนหนี้สิน บริษัทฯ แจ้งว่า มีเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น 80,554,629.21 บาท
หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 41,847,360 บาท
รวมหนี้สินหมุนเวียน 122,401,989.21 บาท
มีเงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน 504,093,969.16 บาท
รวมหนี้สิน 676,016,409.98 บาท
คำถามที่น่าสนใจคือ บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด นำแหล่งเงินจากไหน มาออกแคชเชียร์เช็ค กับ ธ.ก.ส. กว่า 100 ล้านบาท เพื่อวางเป็นหลักค้ำประกันซองในการซื้อข้าวของรัฐบาลครั้งนี้ รวมถึงเงินจำนวนห้าพันกว่าล้าน ที่จะนำมาจ่ายรัฐบาล ในภายหลังหากได้รับอนุมัติ ให้ซื้อข้าวด้วย
เพราะเมื่อบวกลบคูณหาร จะพบว่า ด้วยสถานะทางการเงินแบบนี้ เป็นเรื่องยากมากๆ ที่บริษัทฯ จะเข้ามาซื้อข้าวกับรัฐบาล โดยเสนอราคาสูงถึง 5,049 ล้านบาท แบบที่เห็นและเป็นอยู่ได้
ยกเว้นมี "แหล่งเงินทุน" หรือ "ตัวช่วย" พิเศษคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง!
#เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews"
(อ่านประกอบ : จับตาระบายข้าวสต๊อกรัฐ!สะพัดเครือข่ายสยามอินดิก้าโผล่ซื้อหลายแสนตัน)