Timeline การเมืองก่อนเหตุบึ้มสนั่น "พารากอน" เย้ยกฎอัยการศึก“บิ๊กตู่”
“…ช่วงนี้ยังคงให้ความสำคัญต่อการจัดระเบียบสังคมอย่างมาก การกระทำใดที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น จะด้วยลักษณะเพียงแต่ต้องการก่อกวนให้สังคมเกิดความตื่นตระหนกก็ดี จะต้องใช้กฎหมายเข้าดำเนินการอย่างจริงจังแน่นอน…”
กลายเป็นที่ฮือฮาวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นเมือง !
ภายหลังเกิดเหตุระเบิดสองลูกซ้อนบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง “สยามพารากอน” มีควันพวยพุ่งไปทั่วบริเวณ ซึ่งล่าสุดหน่วยเก็บกู้ระเบิด (EOD) ออกมายืนยันแล้วว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ 2 ลูก
โดยนำมาวางไว้หลังหม้อแปลงไฟฟ้า อำนาจทำลายล้างไม่รุนแรง วัสดุประกอบสามารถหาได้จากท้องตลาด ?
เป็นเหตุให้บางกลุ่มบางฝ่ายโยงเป็นประเด็นทางการเมืองในทันที !
เพราะก่อนหน้านี้ “แดเนียล รัสเซล” ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ ตบเท้าเข้าพบ “อดีตนายกรัฐมนตรี” 2 คน คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนจะพูดคุยกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ของไทย
ซึ่งในการพูดคุยกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ นั้น “ผู้แทนสหรัฐฯ” เอ่ยปากย้ำขอให้เลิก “กฎอัยการศึก” ตามที่สหรัฐฯ และต่างชาติหลายประเทศเคยขอมานับแต่มีการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
แต่คณะรักษาความสงบแหงชาติ (คสช.) ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “ยังมีความจำเป็นต้องใช้อยู่”
ส่งผลให้บรรดา “แม่น้ำทั้ง 5 สาย” เช่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ก็ออกมาตีโพยตีพายกล่าวหาว่า “สหรัฐฯ” แทรกแซงการเมืองไทย
นับเป็นท่าทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงแนวร่วมค้ำจุนการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกัน “คลื่นใต้น้ำ” ก่อความไม่สงบตามที่ “ท็อปบู้ต” กรุยแนวทาง “คืนความสุขให้คนในชาติ”
ก่อนที่ในช่วงบ่ายวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 มีกระแสข่าวเล็ดลอดมาว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฐานะหัวหน้า คสช. เตรียมที่จะยกเลิก “กฎอัยการศึก” เนื่องจากส่งผลกระทบหลายด้าน โดยต้องการให้ “เนติบริกร คสช.” หาอำนาจใหม่มาบังคับใช้แทน
โดยห้ามยุ่งกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 อย่างเด็ดขาด !
เหตุผลสำคัญในการผุดแนวคิดนี้คือ ต่างชาติไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับกฎอัยการศึกของไทย พร้อมปฏิเสธข่าวลือที่ว่า เป็นเพราะผู้แทนสหรัฐฯเข้ามาพูดคุย “บีบ” ให้คลายอำนาจในเรื่องนี้
ถัดจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ห้วงเวลาประมาณ 20.00 น. วันเดียวกัน จึงเกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณหน้าห้างสยามพารากอน โดยตอนแรกมีรายงานข่าวแจ้งว่าแค่เหตุ “หม้อแปลงไฟฟ้า” ระเบิด ก่อนที่หน่วย EOD จะยืนยันว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูกซ้อน
ขณะที่ช่วงกลางดึกราว 23.30 น. พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ออกมายืนยันว่า ได้ส่งเรื่องนี้ให้กับ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้รับทราบแล้ว พร้อมกับดำเนินการให้ทหารและตำรวจเพิ่มจุดสกัด และเพิ่มความถี่ในการกวดขันในพื้นที่ต้องสงสัยให้มากขึ้น
ก่อนที่เวลา 00.30 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมายืนยันว่า พล.อ.อุดมเดช ให้ทหารหน่วยรับผิดชอบเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมกับประสานงานกับตำรวจแล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการก่อกวน ขอให้ประชาชนอย่าตกใจ
“ช่วงนี้ยังคงให้ความสำคัญต่อการจัดระเบียบสังคมอย่างมาก การกระทำใดที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น จะด้วยลักษณะเพียงแต่ต้องการก่อกวนให้สังคมเกิดความตื่นตระหนกก็ดี จะต้องใช้กฎหมายเข้าดำเนินการอย่างจริงจังแน่นอน” พ.อ.วินธัย ยืนยัน
ทั้งหมดคือที่มาที่ไปของเหตุการณ์สะท้านเย้ยอำนาจกฎอัยการศึก “บิ๊กตู่”
ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าเป็นฝีมือ “ใคร” หรือมี “อะไร” อยู่เบื้องหลัง ต้องจับตาดูต่อไปด้วยใจระทึก !
อ่านประกอบ : “อุดมเดช”สั่งทหารประสานตร.สอบเหตุระเบิดหน้าห้างพารากอนแล้ว
หมายเหตุ : ภาพประกอบเหตุระเบิดจาก Posttoday