1 วันแบดเดย์ของ“ยิ่งลักษณ์” จาก “วิบากกรรม” คดีจำนำข้าว
"เป็นการบังเอิญที่ไม่ใช่ความบังเอิญอีกครั้งหนึ่ง คือก่อนเวลาที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเริ่มลงมติถอดถอน เพียง 1 ชั่วโมง อัยการสูงสุด ก็ได้แถลงสั่งฟ้องดิฉัน ในข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ หัวหน้าคณะผู้แทนอัยการสูงสุดยืนยันว่า ยังต้องพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของคดีต่อไป"
ศุกร์ 23 มกราคม 2558 อาจไม่ใช่วันที่ดีเท่าใดนักสำหรับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอน กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ด้วยคะแนนเสียง 190-18 ส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
แตกต่างจาก “นิคม ไวยรัชพานิช” อดีตประธานวุฒิสภา และ “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่รอดพ้นจากการถูกถอดถอนไปได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง “อัยการสูงสุด” มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เรื่องละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดไปก่อนหน้านี้
ถัดมาในช่วงบ่าย หลังสนช.ลงมติถอดถอนเสร็จสิ้นแล้ว นักข่าวจำนวนมากกรูกันไปเฝ้าข่าวสำคัญที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ย่านทาวน์อินทาวน์ เลียบทางด่วนรามอินทรา เนื่องจากมีกระแสข่าว “ยิ่งลักษณ์” เตรียมเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเวลา 15.30 น.
ทว่า เมื่อถึงเวลานัดหมาย นักข่าวไม่เจออดีตนายกฯ แต่กลับพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าควบคุมพื้นที่ภายในบริเวณโรงแรมเอสซีปาร์คแทน ก่อนที่นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมายืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า จะไม่มีการแถลงข่าวแต่อย่างใด
ท่ามกลางกระแสข่าวว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ขอความร่วมมือไปยังยิ่งลักษณ์ ให้งดการแถลงข่าว เนื่องจากยังอยู่ในกฎอัยการศึก?
แต่หลังจากนั้นไม่นาน “ยิ่งลักษณ์” ได้แถลงผ่านเฟสบุค โดยยืนยันว่า “โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี ไม่ได้สร้างความเสียหายแต่อย่างใด สำหรับตัวเลขความเสียหาย ที่พยายามจะยัดเยียดให้ดิฉันนั้น ก็เป็นเพราะความมีอคติต่อตัวดิฉัน และนำชาวนามาเป็นเครื่องมือ ในการทำลายล้างทางการเมือง”
เธอบอกว่า “แม้ว่าวันนี้ ประชาธิปไตยไทยได้ตายไปแล้วพร้อมกับหลักนิติธรรม แต่ขบวนการทำลายล้าง ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังที่ดิฉันได้ประสบอยู่ขณะนี้"
“ยิ่งลักษณ์” ยังบอกว่า “เป็นที่น่าเสียใจ และเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อว่า มีเหตุการณ์บังเอิญต่างๆมากมาย ตามที่ดิฉันได้แถลงปิดสำนวนไปเมื่อวานนี้ และเป็นการบังเอิญที่ไม่ใช่ความบังเอิญ อีกครั้งหนึ่ง คือก่อนเวลาที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเริ่มลงมติถอดถอน เพียง 1 ชั่วโมง อัยการสูงสุด ก็ได้แถลงสั่งฟ้องดิฉัน ในข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ หัวหน้าคณะผู้แทนอัยการสูงสุด ยืนยันว่า ยังต้องพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของคดีต่อไป”
อดีตนายกฯ ยังระบุว่า “ดิฉันรันทดใจ ไม่ใช่เพราะดิฉันถูกกลั่นแกล้ง และประสบชะตากรรมที่ไม่เป็นธรรม แต่ดิฉันเสียใจแทนชาวนา และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่ต้องสูญเสียโอกาส ต้องกลับไปอยู่ในวังวน ของความยากจน มีหนี้สิน ถูกเอารัดเอาเปรียบ และสูญเสียความเป็นประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน ตลอดจน กฎหมายถูกบิดเบือน”
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ดิฉันจะต่อสู้จนถึงที่สุด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของดิฉันไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญ คือ ดิฉันจะขอยืนหยัด อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทย เราต้องร่วมกันนำความเจริญก้าวหน้า มาสู่ประเทศ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของเรากลับคืนมา และสร้างความเป็นธรรม ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแท้จริง”
นี่คือ เหตุการณ์สำคัญตลอดวันถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” ที่เกิดจากวิบากกรรมคดีจำนำข้าว โดยแท้…
ขอบคุณภาพจาก:www.siammedia.org