ตามรอย“ทรงกลด"อดีตผจก.กรุงศรีฯคดี สจล.-ทิ้งหนี้บัตรเครดิตให้พ่อ 1.4 หมื่น/ด.
ตามรอย“ทรงกลด”อดีตผจก.แบงก์กรุงศรีอยุธยา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ สจล.1,600 ล้าน อาศัยอยู่บ้านไม้เก่า 2 หลัง ย่านสมุทรปราการ ข้อมูลอีกด้านจากพ่อ ไม่เชื่อลูกชายร่วมขบวนการ ชีวิตลำบากต้องกู้เงินไปเยี่ยม ใช้หนี้บัตรเครดิตแทนอีกเดือนละ 1.4 หมื่น
ในบรรดาผู้ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินจำนวน 1,600 ล้านบาท ของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในขณะนี้
นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ถือเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง โดยเฉพาะขั้นตอนการเบิกถอนเงิน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบปากคำ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบข้อมูลพบว่า นายทรงกลด ศรีประสงค์ ปรากฎรายชื่อเป็นผู้พักอาศัยในบ้านหลังหนึ่ง ที่ จ.สมุทรปราการ คือ บ้านเลขที่ 24 หมู่ 5 ถ.อ่อนนุช-เทพราช ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบว่า เป็นบ้านเดี่ยว 2 หลังติดริมคลอง 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ มีรถเก๋งไม่ทราบยีห้อจอดอยู่ 1 คัน และรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อจอดอยู่อีก 1 คัน
จากการตรวจสอบข้อมูลกับเพื่อนบ้านในบริเวณดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า นายทรงกลด พักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้
(ดูรูปบ้านประกอบ)
สิบเอกสงบ ศรีประสงค์ บิดานายทรงกลด ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า ไปเยี่ยมลูกชายทุกวันอังคาร หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ และควบคุมตัวไว้ โดยจะซื้ออาหารและเครื่องดื่มไปเยี่ยมทุกครั้ง
ส่วนปัญหาการทุจริตเงินที่เกิดขึ้น บิดานายทรงกลด กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าลูกชายจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“ลองคิดดูถ้าลูกผมทำจริง ผมจะอยู่แบบนี้เหรอ ต้องกู้หนี้ยืมสินไปเยี่ยม ทั้งยังใช้หนี้บัตรเครดิตแทนอีกเดือนละ 14,000 บาท”
"คนเป็นพ่อก็ต้องเป็นห่วงลูก กินก็ไม่ได้นอนก็ไม่หลับ ในบ้านนี้มีลูก 3 คน หลาน 4 คน ลูกคนหนึ่งเป็นทหารตามรอยพ่อ ประจำการอยู่ภาคใต้ ส่วนอีกคนติดคุกติดตาราง"
บิดานายทรงกลด ยังระบุด้วยว่า “ตอนเด็กๆเคยบอกให้มันไปเป็นทหารเหมือนกับฉัน แต่มันไม่เอา ไปเรียนโรงเรียนพาณิชย์ พอเรียนจบก็ไปทำงานอยู่ธนาคารไทยพาณิชย์ตั้ง 20 กว่าปี ถ้ามันไม่ใช่คนดี เขาจะเอามันไว้ทำงานตั้ง 20 ปีหรอ"
"ฉันเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ ทีวีก็ออกข่าวตีโพยตีพายไปเรื่อย ฉันรู้สึกไม่ดี อีกทั้งคนที่มีนามสกุลเหมือนฉันมันก็มีนะ ไม่ใช่ญาติกันนะ แต่ก็สงสารเขาเหมือนกัน”
บิดานายทรงกลด ยังระบุด้วยว่า "ผมเป็นทหารเคยรับใช้แผ่นดิน ตอนนี้รายได้ก็มีแค่เบี้ยเกษียณเท่านั้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายทรงกลด ได้ถูกออกหมายจับพร้อมกับ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83
หลังถูกตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 น.ส.อำพร ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้เสนอให้นำเงินกองกลางของ สจล. ที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไปฝากกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ แทน เนื่องจากการฝากเงินที่สาขาเดิมได้ดอกเบี้ยน้อย โดยหลังจากได้รับการอนุมัติ น.ส.อำพร ก็ได้นำเงินที่ถอนไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ก่อนนำไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ซึ่งมีนายทรงกลด เป็นผู้จัดการสาขา จำนวน 50 ล้านบาท
และในวันต่อมา น.ส.อำพร ก็มาถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จำนวน 30 ล้านบาท และซื้อแคชเชียร์เช็ค ก่อนนำเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80 ล้านบาท แต่กลับมีการแจ้งว่า ยอดเงินทั้งหมดนั้นถูกนำไปฝากไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการทำบัญชีธนาคารปลอม และยอดเงินทั้งหมดถูกถอนออกไปหมดแล้ว
จนกระทั่งนายเผ่าภัค ศิริสุข รักษาราชการแทนอธิการบดี สจล. พบข้อพิรุธเกี่ยวกับเงินกองกลางของ สจล. จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบบัญชีธนาคารตามที่มีการกล่าวอ้างว่า ได้นำเงินเข้าบัญชีธนาคารนั้น ๆ กระทั่งพบว่าไม่มีการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารแต่อย่างใด ส่วนรายการยอดเงินในบัญชีเป็นเพียงรายการปลอมที่ทำขึ้น เพื่อหลอกลวงว่าเงินยังมีอยู่ในบัญชีธนาคารเท่านั้น ทาง สจล. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบเงินกองกลางที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารต่าง ๆ ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน จึงพบว่ามีการยักยอกเงินไปแล้วรวม 1,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายอย่างมากต่อ สจล.
ล่าสุดในวันที่ 23 ธันวาคม 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายทรงกลด ได้ตามหมายจับ อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนนายทรงกลด ได้ให้การปฏิเสธ พร้อมระบุว่า ถูก น.ส.อำพร บังคับให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง โดยที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งด้วย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายทรงกลด
ขณะที่ นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า ในช่วงก่อนที่นายทรงกลด จะออกไปจากธนาคารไทยพาณิชย์ มีการตรวจพบการทำผิดระเบียบการการเบิกจ่ายเงิน ทำให้ต้องส่งเรื่องให้กรรมการสอบสวนทางวินัยของธนาคารพิจารณา และมีการเชิญให้นายทรงกลดออกจากธนาคารไทยพาณิชย์ไปในเวลาต่อมา
"ในช่วงที่เขายังทำงานอยู่กับเรา มีการตรวจสอบพบว่า การเบิกจ่ายเงินส่วนหนึ่งของเขา มีการทำไม่ถูกต้องตามระเบียบ เราจึงรู้สึกหมดความไว้วางใจ และเสนอเรื่องไปยังกรรมการวินัยของธนาคาร เพื่อแจ้งให้เขาลาออกไปเอง ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอะไรขึ้นมา เพราะยังไม่มีความผิดหรือความเสียหายอะไร เพียงแต่ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามขั้นตอนเท่านั้น"
ส่วนข้อสังเกตเรื่องการแจ้งข้อมูลประวัติเรื่องนี้ของนายทรงกลดให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยารับทราบหรือไม่นั้น
นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวว่า "ในช่วงที่นายทรงกลดเข้าไปทำงานที่ธนาคารอื่น เราได้โทรศัพท์ไปบอกเขาแล้วว่า คนคนนี้มีประวัติอย่างไร แต่ก็ไม่เห็นทางธนาคารนั้นเขาจะว่าอะไรเลย"
(อ่านประกอบ : "ไทยพาณิชย์"ลั่นไม่ใช่ต้นตอทุจริต สจล. 1.6พันล.พร้อมช่วยล่าตัวคนผิดถึงที่สุด)
#เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews"
อ่านประกอบ:
เผยโฉมที่อยู่"กนกวรรณ"ผู้ร่วมตั้ง บ."กิตติศักดิ์"5 ใน 7 แห่ง-ทำงานสอบบัญชี
รายชื่อครบ! 31“ตัวละคร”ในธุรกิจ 7 บริษัท“กิตติศักดิ์”คดี 1,600 สจล.
เปิดตัว"ภูดิศ"โค้ชแอ๊คติ้ง ตัวเชื่อมธุรกิจ"พิ้งกี้&กิตติศักดิ์" ก่อนคดี 1,600 ล้าน
ตามไปดูธุรกิจ-บ้านหรู 40 ล."โอ๊ต ภาดา”เพื่อนสนิท"กิตติศักดิ์"คดี สจล.
เปิดตัว"ภูดิศ"โค้ชแอ๊คติ้ง ตัวเชื่อมธุรกิจ"พิ้งกี้&กิตติศักดิ์" ก่อนคดี 1,600 ล้าน
"บัตร ปชช.-ลายมือชื่อ"พิ้งกี้ โชว์หรา!ร่วม"กิตติศักดิ์"พวกตั้งบริษัท-ก่อนปัดไม่รู้จัก
โชว์ใบหุ้น“พิงกี้ สาวิกา”หุ้นส่วน“กิตติศักดิ์” คดียักยอกเงิน 1,600 ล้าน สจล.
พบ"กิตติศักดิ์"ชิงปิด บ.อสังหาฯทุน 50 ล.ช่วงคดีสจล.ฝีแตก กำเงินสด 12 ล.
เจาะงบการเงิน บ.“กิตติศักดิ์”คดี 1,600 ล้าน สจล.-พบปล่อยกู้ 76.5 ล้าน
พบ บ.ดารา“พิงกี้”หุ้น“กิตติศักดิ์”ผู้ต้องหาคดี 1,600 ล. แจ้งรายได้ 471 บาท
เปิดขุมข่ายธุรกิจผู้ต้องหาคดีเงิน สจล.ฉาว 1,600 ล้าน! ตั้งบริษัท 7 แห่งรวด