ถอดรหัสถล่ม"โก-ลก"...เมื่อยาเสพติดโยงแยกดินแดน?
ไฟใต้ฮือขึ้นอีกรอบหลังจากเกิดเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ที่กระตุกความสนใจของสังคม โดยเฉพาะการลอบวางระเบิดรถทหารพรานและยิงซ้ำกระทั่งสูญเสียกำลังพลทีเดียว 5 นาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ย. ถัดจากนั้นวันเดียวก็เกิดเหตุระเบิดทั้งคาร์บอมบ์และมอเตอร์ไซค์บอมบ์รวม 3 จุดที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย บาดเจ็บกว่า 40 คน
นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์จ่อยิงศีรษะถึงในมัสยิด โดยมีดาบตำรวจจาก สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา และอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.กาบัง จ.ยะลา ตกเป็นเหยื่อ
เป็นการก่อเหตุร้ายในช่วงที่รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงชื่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ กำลังเริ่มงานแบบเต็มไม้เต็มมือ เพิ่งต่ออายุขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ออกไปอีก 3 เดือน และมีข่าวเตรียมส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงไปนั่งเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คนใหม่
เกิดอะไรขึ้นที่ชายแดนใต้? คงเป็นคำถามในใจของใครหลายคน...
ทหารเปิดข้อมูลค้นบ้าน “แบ ซ.” ขาใหญ่โก-ลก
แหล่งข่าวระดับสูงจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ฟันธงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วง 2 วันมานี้ เป็นการแก้แค้นเอาคืนของขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งมีโครงข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งอ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า กำลังผสมทหารกับ ป.ป.ส. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) เพิ่งเข้าตรวจค้นจับกุมและขยายผลจนไปเจอเอเยนต์ค้ายารายใหญ่ลำดับต้นๆ ของสามจังหวัดชายแดน รวมทั้งยึดหลักฐานสำคัญได้ด้วย
ปฏิบัติการดังกล่าวมีทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว โดยปฏิบัติการที่เป็นข่าวคือการบุกเข้าค้นบ้านของ นายสามีอุง เปาะอาแดะ อายุ 45 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เขต อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นเป้าหมายของ ป.ป.ส.เนื่องจากสืบทราบว่าร่ำรวยผิดปกติ เมื่อวันที่ 13 ก.ย.
ส่วนปฏิบัติการที่ไม่เป็นข่าว คือการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญในพื้นที่สุไหงโก-ลกได้ 4 ราย พร้อมยึดของกลางยาบ้าจำนวน 14,000 เม็ด เมื่อสอบสวนขยายผลต่อก็ได้ข้อมูลเชื่อมโยงนำไปสู่การตรวจค้นชุมชนแห่งหนึ่ง
จังหวะที่เข้าพื้นที่ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกำลังพลถูกคนร้ายยิงใส่ 2 นัด เมื่อไล่ติดตามไปจึงพบบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดในละแวกนั้น คาดว่าเสียงปืนดังมาจากบ้านหลังดังกล่าว
และที่บ้านหลังนี้เองที่เจ้าหน้าที่พบหลักฐานหลายอย่างตรงกับข้อมูลการข่าว การสืบสวน และซักถามผู้ต้องหาค้ายาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้หลายราย สรุปว่าเจ้าของบ้านเป็นผู้ค้ารายใหญ่และมีอิทธิพลมากในพื้นที่ มีเครือข่ายโยงใยหลายกลุ่มใน อ.สุไหงโก-ลก สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ซ้ำยังเป็น “ขาใหญ่” เก็บค่าคุ้มครองจากผู้ที่ต้องการข้ามฟากไปมาและลำเลียงสินค้าหนีภาษีด้วย
เจ้าของบ้านเป็นที่รู้จักกันดี ชื่อย่อ "แบ ซ." เมื่อไม่ถึงสิบปีก่อนเป็นแค่มอเตอร์ไซค์รับจ้างขนของหนีภาษี แต่ปัจจุบันร่ำรวยและทรงอิทธิพลอย่างไม่น่าเชื่อ
ถัดจากนั้นอีก 1 วัน เจ้าหน้าที่ได้ส่งกำลังเข้าปูพรมตรวจค้นทั้งบ้านหลังใหญ่และบ้านเครือญาติที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน พบอุปกรณ์ใช้สำหรับบรรจุเฮโรอีนจำนวน 1,254 หลอด บรรจุไปแล้ว 154 หลอด ที่เหลือ 1,100 หลอดกำลังรอบรรจุ จึงน่าเชื่อว่าเป็นจุดพักและกระจายยาเสพติดไปสู่ผู้ค้ารายย่อย
ที่สำคัญที่สุดคือการพบเอกสารบางอย่างจากคอมพิวเตอร์ มีข้อมูลกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ส่วนใหญ่ถูกออกหมายจับจากฝ่ายความมั่นคง เป็นทั้งข้อมูลตัวบุคคลและเส้นทางการเงิน
"จากการประมวลข้อมูลทั้งหมด เราจึงมั่นใจว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการตอบโต้และเป็นผลพวงจากที่เรากดดันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ สิ่งที่ชัดเจนในวันนี้ก็คือความเชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยยาเสพติดเป็นแหล่งเงินทุนให้กับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน”
“สำหรับเรื่องการตอบโต้ต้องบอกว่าไม่เหนือความคาดหมาย แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ เพราะช่วง 1-2 วันนี้ผู้บังคับบัญชาก็สั่งเตรียมพร้อม 100% ใน อ.สุไหงโก-ลก แต่ฝ่ายโน้นก็ชิงลงมือจนได้ จึงเชื่อว่าปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคงกับ ป.ป.ส.สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับกลุ่มขบวนการทั้งยาเสพติดและแยกดินแดน จนอาจขาดท่อน้ำเลี้ยงไประยะหนึ่ง" แหล่งข่าว กล่าว
“อดุลย์” ชี้ “ค้ายา-แยกดินแดน” ใช้คนกลุ่มเดียวกันก่อเหตุ
ข้อมูลของทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สอดคล้องกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ ซึ่งกำลังจะไปรับตำแหน่งใหม่เป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. เขาให้ข้อมูลกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อการร้ายที่ชายแดนใต้กับกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด สินค้าเถื่อน และน้ำมันเถื่อนในพื้นที่อย่างชัดเจน
"ขบวนการแบ่งแยกดินแดนจะมีกองกำลังที่ใช้ในการก่อเหตุรุนแรงอยู่จำนวนหนึ่ง เรามีหลักฐานว่าแกนนำที่มีบทบาทในการสั่งกำลังน่าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติด เพราะทุกครั้งที่มีการจับยาเสพติดรายใหญ่หรือของหนีภาษี จะมีการก่อเหตุรุนแรงตอบโต้ตามมาเสมอ ข้อมูลของเราสอดคล้องกับโครงสร้างของขบวนการที่มีผู้ถือเงิน มีฝ่ายเศรษฐกิจ และเงินก็มาจากหลายทาง กองกำลังที่ตั้งขึ้นก็ใช้ปฏิบัติการได้หลายเรื่อง ทั้งเพื่อแบ่งแยกดินแดนและเพื่อกลุ่มค้ายาเสพติดด้วย" พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว
เขาชี้ว่า การสร้างสถานการณ์เกิดขึ้นจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มก่อการร้าย เพราะแต่ละฝ่ายทำแล้วได้ประโยชน์ สมประโยชน์กัน โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหากปฏิวัติสำเร็จก็ได้เป็นใหญ่ แต่ระหว่างทางที่ใช้ยุทธวิธีก่อความรุนแรงก็ได้เงินไปพร้อมกันด้วย เพราะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด
เหตุร้ายลดแต่สูญเสียเพิ่ม-เน้นใช้คาร์บอมบ์
เมื่อถามถึงสถานการณ์ในภาพรวมที่ชายแดนใต้ พล.ต.อ.อดุลย์ บอกว่า "ขณะนี้สถานการณ์ยันกันอยู่ เขาก็ทำแรงกว่านี้ไม่ได้ อาจจะโหมรวมตัวกันก่อเหตุนานๆ ครั้งในลักษณะพยายามทำ"
พล.ต.อ.อดุลย์ ขยายความว่า ดูจากตัวเลขสถิติ ขณะนี้ปริมาณเหตุร้ายลดลงอย่างชัดเจน แต่การก่อเหตุรุนแรงยังเป็นคลื่น คือขึ้นๆ ลงๆ เป็นระยะ สาเหตุคือเดิมกลุ่มก่อความไม่สงบแบ่งพื้นที่เป็นเขตงาน มีผู้รับผิดชอบชัดเจนในแต่ละเขต และสร้างสถานการณ์ได้อย่างอิสระ ทำให้ในอดีตมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเยอะมาก แต่ระยะหลังถูกกดดันปราบปรามจนผู้ปฏิบัติของขบวนการลดลง จึงต้องนำหลายเขตงานมารวมกัน แล้วก่อเหตุใหญ่นานๆ ครั้ง สะท้อนว่าคนของขบวนการลดน้อยลงจริง
ตัวเลขสถิติที่ พล.ต.อ.อดุลย์ พูดถึง เก็บรวบรวมโดยทีมงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า 11 เดือนในปีงบประมาณ 2554 คือ ตั้งแต่เดือน ต.ค.2553 ถึง ส.ค.2554 มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสิ้น 954 เหตุการณ์ สูญเสีย 496 ราย ขณะที่ห้วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น 1,034 เหตุการณ์ ลดลง 80 เหตุกาณณ์ หรือร้อยละ 7.74 แต่ความสูญเสียปีที่แล้ว 487 ราย ปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.85 สะท้อนข้อเท็จจริงตามบทวิเคราะห์ของฝ่ายตำรวจ คือ เหตุร้ายลดลง แต่เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุใหญ่และสร้างความสูญเสียมากกว่าเดิม
ขณะที่เดือน ส.ค.2554 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่รัฐบาลชุดใหม่เริ่มงาน เหตุรุนแรงและความสูญเสียเพิ่มขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าอย่างชัดเจนทุกจังหวัด โดยวิธีการก่อเหตุใช้การลอบวางระเบิดในเขตเมือง
"เขาก่อเหตุใหญ่บ่อยๆ อย่างเดิมไม่ได้แล้ว แต่เหตุการณ์ยังคงมีอยู่เพราะเขาพยายามทำ พยายามสร้างสถานการณ์ ใช้คาร์บอมบ์กับมอเตอร์ไซค์บอมบ์ในเขตเมือง ส่วนตัวเลขกองกำลังระดับปฏิบัติล่าสุดมีอยู่ 2 พันกว่าคน ทางตำรวจรู้ชื่อและออกหมายไปหมดแล้ว" รองผบ.ตร.ที่กำลังจะไปนั่งเก้าอี้เลขาธิการ ป.ป.ส.ระบุ
แนะรื้อโครงสร้างดับไฟใต้-กอ.รมน.แค่ยาแก้ปวด
จากการประเมินสถานการณ์ของ พล.ต.อ.อดุลย์ เองที่เปรยไว้ตั้งแต่ต้นว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังยันกันอยู่นั้น ย่อมส่อแสดงว่าการแก้ไขปัญหายังไม่ประสบความสำเร็จ ฝ่ายรัฐยังไม่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ ก็มองเช่นนั้น
"หากจะยุติสถานการณ์ได้ต้องบูรณาการ 18 หน่วยงานเป็นโครงสร้างศูนย์ระดับชาติเพื่อควบคุมด้านยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการทั้งหมด เพราะโครงสร้างปัจจุบันเป็นแค่ยาแก้ปวด แต่จะให้หายขาดต้องทำเป็นทีมไทยแลนด์ หรือทีมเวิร์คประเทศไทย เก่งคนเดียวไม่มีทาง"
พล.ต.อ.อดุลย์ อธิบายว่า โครงสร้างแก้ปัญหาภาคใต้ในปัจจุบันที่ใช้ กอ.รมน.เป็นหน่วยนำนั้น ยังไม่เพียงพอ แต่ต้องบูรณาการ 18 หน่วยงานเป็นศูนย์ระดับชาติ มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยมีกองทัพภาคที่ 4 กับ ศอ.บต.เป็นผู้ปฏิบัติในพื้นที่ และให้แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ไม่ใช่ใช้แค่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง
18 หน่วยงานที่ พล.ต.อ.อดุลย์ มองว่าต้องบูรณาการร่วมกันภายใต้โครงสร้าง “ศูนย์ระดับชาติดับไฟใต้” นั้น ประกอบด้วย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และกรมประชาสัมพันธ์
หากทฤษฎี “แกงโฮะ” หรือการผสมโรงจุดไฟใต้ทั้งจากกลุ่มแยกดินแดน กลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายเป็นความจริง ซ้ำยังบูรณาการกันทั้งกำลังคนและแหล่งทุน ย่อมถึงเวลาแล้วที่ 18 หน่วยภาครัฐต้องนับหนึ่งบูรณาการ...
และท่องคำว่า “เอกภาพ” ให้ขึ้นใจ!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากศูนย์ภาพเนชั่น
บรรยายภาพ : เพลิงลุกโชนเผาอาคารบ้านเรือนริมถนนหลังเกิดระเบิดครั้งรุนแรงใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันที่ 16 ก.ย.