ถึงเวลาคนไทยออกเสียง ขีดอนาคตประเทศพ้นวิกฤติ
เปิดตัวโครงการ 'ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย' ชวนคนไทยคลิกเว็บ Khonthaivoice ร่วมออกเสียง ออกเเบบประเทศไทย กำหนดวิสัยทัศน์ชาติ นำพาพ้นห้วงวิกฤติเรื้อรัง
ด้วยความเชื่อที่ว่า การนำพาประเทศไทยไปสู่ทิศทางใหม่ไม่สามารถอาศัยการเปลี่ยนแปลงจากความร่วมมือเฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนตัวเล็ก ๆ จำนวนมากในสังคม
ยิ่งในสภาวะที่ประเทศกำลังตกอยู่ในห้วงวิกฤติเรื้อรัง ความมุ่งหวังที่จะสร้างปฏิบัติการสร้างสรรค์ประเทศให้น่าอยู่จึงเกิดขึ้น ภายใต้โครงการ ‘ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย’ หรือ Inspiring Thailand โดยได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาคการตลาดทุน ภาคประชาชน ภาคการศึกษา/วิจัย ภาคกิจการเพื่อสังคม และภาคสื่อมวลชน ขับเคลื่อน 5 โครงการหลัก ได้แก่
1.การระดมความคิดของคนไทยทั้งสังคม เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วมในการพัฒนาประเทศ (โครงการจัดทำเป้าหมายร่วมแห่งชาติ)
2.การลงมือปฏิบัติการเปลี่ยนประเทศ (ปฏิบัติการร้อยโครงการเปลี่ยนประเทศ)
3.การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ในการพัฒนาประเทศจากทุกภาคส่วนของสังคม (โครงการเครือข่ายผู้นำแห่งอนาคต)
4.การสร้างค่านิยมคนไทยรุ่นใหม่ที่กระตือรืนร้นและไม่นิ่งเฉยต่อสังคม (โครงการสื่อสารและโครงการ Active Citizen)
และ 5.การประสานและบูรณาการพลังขับเคลื่อนภาคพลเมือง (โครงการผนึกพลังขับเคลื่อนภาคพลังเมืองฯ)
“กราบคารวะด้วยหัวใจผู้ใหญ่ที่ทรงพลังทุกคน” แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน กล่าวยกย่องผู้มีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการนี้ โดยในมือชูประคอง ‘ดอกไม้เทียน’ สีขาวบริสุทธิ์ เปรียบเหมือนความดีที่ปลูกอยู่ในหัวใจของคนไทย พร้อมขอให้มือของทุกคนที่จับกัน เป็นกายที่เคลื่อนไหว แล้วใจตั้งมั่นเพื่ออธิษฐานจิตกับตัวเองว่า เราจะซื่อสัตย์ต่อการใช้ชีวิต เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
“เราเป็นหนึ่งในลมหายใจแห่งสติที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมามีลูกไท หลานไท ที่เป็นไท ไม่เป็นทาส”
ทำพลัง ‘เล็ก’ เป็นพลัง ‘ใหญ่’ เชื่อเปลี่ยนแปลงได้
มูฮำมัดอายุบ ปาทาน บรรณาธิการอาวุโส ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มองว่า การจะรวมพลังได้ต้องอาศัยภาควิชาการ ภาคความรู้ ภาคสื่อสารสาธารณะ และภาคสังคม
“ผมอยู่เฉพาะในภาคใต้ ผมจึงต้องนำขบวนการสันติภาพ ทั้งนี้ ขบวนการดังกล่าวจะไปไม่ได้ ถ้าไม่มีสันติภาพย่อย ๆ จากภาคสังคมและภาคการสื่อสารสาธารณะ
ประเด็นใหญ่ คือ ต้องปลุกคนที่เป็นภาคสังคมทำสันติภาพไปสู้สันติภาพใหญ่ ถ้าเราทำพลังเล็กไปรวมกับพลังใหญ่ไม่ได้ เราก็พลิกสู่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ฉะนั้น สิ่งนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ ที่จำเป็นต้องเปิดพื้นที่สาธารณะให้ทุกฝ่ายเข้าใจกันให้ได้
ความขัดแย้ง เราขัดแย้งได้ เราทะเลาะกันได้ และเราจะต้องไม่ฆ่ากัน เราจะต้องไม่คุกคามกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสีผิวใด สีเสื้ออะไร นับถือชาติหรือศาสนาแบบไหนจะต้องไม่ฆ่ากันเอง” สื่ออาวุโสจา่กพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าว และว่า กรณีเหตุรุนแรงในพื้นที่ และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 6 พันคน บาดเจ็บกว่า 1 หมื่นคน เกิดขึ้นเพราะความเกลียดชัง
มูฮำมัดอายุบ เห็นว่า การอยู่ร่วมกันตามความหลากหลาย และเท่าเทียมกัน ปลุกพลังคนไทยอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องรวมพลังคนไทยด้วยกัน ถึงจะเดินไปข้างหน้าได้
“ปลุกพลัง โดยไม่รวม ไม่เชื่อมต่อ ไม่เชื่อมงาน ไม่เชื่อมคน ไม่เชื่อมเครือข่าย พลังก็จะไม่เกิดขึ้น” สิ่งนี้เขาเห็นว่า เป็นประเด็นที่ต้องทำมากที่สุด
ผศ.ดร.นิวัต กลิ่นงาม ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ให้ข้อมูลตัวเลขจำนวนมหาวิทยาลัยราชภัฏฯ มีอยู่ 40 แห่งทั่วประเทศ มีนักศึกษาประมาณ 4-5 แสนคน คนเหล่านั้นล้วนมาจากชุมชนต่าง ๆ ของพื้นที่ ถ้าแต่ละคนได้คิดใหม่ ปรับใหม่ จะสามารถเปลี่ยนประเทศใหม่ได้ นำสู่การปฏิรูปการศึกษา
“ต้องเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏให้เข้าถึงมากที่สุด ที่สำคัญต้องมีคุณภาพ ไม่นิยมการทำมักง่าย หรือทำอะไรก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงทิศทางของสังคมและประเทศ”
ส่วนการจะขจัดปัญหาเรื้อรังของประเทศ โดยเฉพาะทุจริตคอร์รัปชันได้หรือไม่นั้น ประธานที่ประชุมอธิการบดี มรภ. มีความมุ่งหวังจะพลิกฟื้นเรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยร่วมมือกับองค์กรในชุมชน เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าอย่างน้อยก็มีคนเห็นหัวเรา มิได้มองผ่านไปเสียหมด
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงการทุจริตคอร์รัปชันเป็นโรคร้ายของสังคมไทยมาช้านาน ดังนั้นสิ่งที่ต้องขอความร่วมมือ คือ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเย้ายวนต่อการเรียก ‘สินบน’ ได้ ด้วยวิธีการป้องกันต่าง ๆ อาทิ การสร้างความโปร่งใสในข้อมูล การทำสัญญาคุณธรรม โครงการหมาเฝ้าบ้าน ทั้งหมดล้วนต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกคน
ออกเสียง ออกแบบประเทศไทย
ดั่งเช่นโครงการตั้งต้น ‘ออกเสียง ออกแบบประเทศไทย’ หนึ่งในกลไกที่ดึงแต่ละภาคส่วนให้เดินหน้าร่วมกันได้ โดยอาศัย 1 เสียง ของท่าน ร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ประเทศ
รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เห็นว่า ทุกพลัง ทุกเสียง ของคนไทยทุกคน มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนประเทศได้ ฉะนั้นหากฝันอยากเห็นบ้านเมืองของเราเป็นอย่างไร เชิญชวนมาร่วมกันให้ข้อเสนอแนะ
ขณะที่ รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็เห็นว่า โครงการนี้ส่งเสริมการปลุกพลัง ต้องเปิดพื้นที่ให้กว้างที่สุดเท่าที่คนทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าถึง
“โครงการออกเสียง ออกแบบประเทศไทยจะต่อเชื่อมเข้าไปกับเวที 77 จังหวัด เพื่อให้ประชาชนแต่ละจังหวัดร่วมแสดงวิสัยทัศน์ รวมถึงใช้ช่องทางสื่อสารอีกมากมาย นอกจากสื่อโซเซียลมีเดียแล้ว เรายังมีเครือข่าย We Voice คอยสำรวจความคิดเห็นจากคนทั่วไป และทาง ตู้ ปณ. ซึ่งอาจเป็นช่องทางธรรมดาที่สุด แต่ทั้งหมดเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึง"
รศ.ดร.วิลาสินี กล่าวด้วยว่า การร่วมมือกับองค์กรวิชาชีพสื่อ นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญ หากหนังสือพิมพ์พาดหัวทุกวันว่า วันนี้ประชาชนอยากเห็นอะไร อยากฝากอะไร สื่อจะมีเรื่องดี ๆ เล่นเยอะมาก ดังนั้นการเชื่อมต่อกับช่องทางสื่อสารมวลชน ทั้งสื่อกระแสหลัก สื่อกระแสรอง ยังทำได้อีกมาก และช่องทางสุดท้าย คือ รายการสื่อประเภทสร้างแรงบันดาลใจ
สุดท้าย สุนิตย์ เชรษฐา สถาบัน Change Fusion ภายใต้มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะตัวแทนสื่อใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นได้เปิดเว็บไซด์ให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวความคืบหน้าของโครงการ Inspiring Thailand ซึ่งจะเชื่อมโยงโครงการต่าง ๆ นับ 10 โครงการ ที่เชื่อมโยงกันอยู่เพียงเข้าไปใน Facebook ค้นหาคำว่า “ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย” ก็สามารถติดตามได้แล้ว
..................................................................
สำหรับผู้สนใจประสงค์จะร่วมออกแบบประเทศไทย สามารถคลิกเข้าไปกรอกแบบสอบถามฉบับออนไลน์ได้ที่ www.khonthaivoice.com .
อ่านประกอบ:ปลุกพลัง เปลี่ยนไทย ‘นพ.ประเวศ’ ชู 7 พลัง นำไทยสู่ยุคศรีอาริยะ 2575