ถึงเวลาสางปมทุจริตจดทะเบียนสมรส "หญิงไทย-ชายทวีปแอฟริกา" 655 คู่
"กรมการปกครอง"ตรวจสอบพบปัญหาทุจริตจดทะเบียนสมรส ระหว่างหญิงไทย กับชายสัญชาติทวีปแอฟริกา ในหนองบัวลำภู-ลพบุรี เพียบกว่า 655 คู่ ทั้งปลอมแปลงลายมือแอบอ้างชื่อ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ตอบแทนเผย "กฤษฎีกา" ไฟเขียวให้อำนาจเพิกถอน ส่งเรื่องอัยการฟ้องศาลตัดสินเป็นโมฆะ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่บันทึกคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เรื่องการเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสที่เกิดจากการกระทำทุจริตทางการทะเบียนครอบครัวในการจดทะเบียนสมรสระหว่างหญิงไทยกับผู้ชายสัญชาติในทวีปแอฟริกา พื้นที่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู และ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
หลังตรวจสอบพบรูปแบบการทุจริตมีหลายกรณี อาทิ ฝ่ายหญิงไปแสดงตัวและลงลายมือชื่อด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้อยู่กินฉันสามีภรรยา , ฝ่ายหญิงยินยอมมอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้บุคคลอื่น นำไปใช้เป็นหลักฐานการยื่นขอจดทะเบียนสมรส , ฝ่ายหญิงถูกแอบอ้างชื่อ เพื่อใช้ในการจดทะเบียนสมรส
โดยกรมการปกครอง ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้ 2 แนวทาง และขอหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเป็นแนวทางปฏบัติดังนี้
1. การจดทะเบียนสมรสที่มีการทำทุจริต ในทั้งสองพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ปกครองได้ปลอมแปลงลายมือชื่อนายทะเบียนประจำสำนักทะเบียน ถือเป็นคำสั่งปกครองที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น นายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนอำเภอแห่งท้องที่มีอำนาจหน้าที่จะทำการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นได้ตามนัยมาตรา 49 และมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
2. การจดทะเบียนสมรส ที่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าฝ่ายชายและหญิง ไม่ได้แสดงความยินยอมต่อหน้านายทะเบียนนั้น นายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนอำเภอแห่งท้องที่ที่มีการจดทะเบียนสมรสโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย ต้องร้องขอให้อัยการเป็นผู้ร้องขอต่อศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้การสมรสเป็นโมฆะ
เบื้องต้นคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ได้พิจารณาข้อหารือของกรมการปกครอง โดยมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจงข้อมูลและได้รับทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ในช่วงปี 2550-2554 กรมการปกครอง ตรวจสอบพบว่า มีการรับจดทะเบียนสมรสโดยทุจริตระหว่างบุคคลสัญชาติไทย ซึ่งเป็นคู่สมรสฝ่ายหญิงกับคนต่างด้าวซึ่งเป็นคู่สมรสฝ่ายชาย ในเขตพื้นที่สำนักทะเบียน อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู จำนวน 620 คู่ และในเขต อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จำนวน 35 คู่
โดยได้กระทำเพื่อประโยชน์ตอบแทนบางประการ เช่น สิทธิประโยชน์เรื่องถิ่นที่อยู่และการตรวจลงตราหนังสือเดินทางตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ก่อนที่จะมีความเห็นว่า ในกรณีที่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า คู่สมรสฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเดินทางไปจดทะเบียนสมรสด้วยตนเองและแสดงความยินยอม โดยการลงลายมือชื่อไว้นายทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียน แต่ไม่ได้อยู่กินฉันสามีภรรยา ย่อมถือได้ว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมเป็นสามีภรรยากัน ตามกฎหมาย แม้ว่านายทะเบียนจะดำเนินการรับจดโดยทุจริตหรือถูกปลอมแปลงลายมือชื่อ ดังนั้น นายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนอำเภอ จึงไม่สามารถเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสโดยลำพัง
อย่างไรก็ตาม หากมีการกล่าวอ้างว่าการจดทะเบียนสมรสในกรณีนี้เป็นโมฆะ เพราะได้กระทำโดยไม่สุจริตเนื่องจากนายทะเบียนได้ดำเนินการรับจดทะเบียนโดยทุจริตหรือเจ้าหน้าที่ปกครองได้ปลอมแปลงลายมื่อชื่อนายทะเบียน หรือคู่สมรสไม่ได้อยู่กันฉันสามีภรรยา ภายหลังการจดทะเบียนสมรส อันแสดงให้เห็นว่าคู่สมรส มิได้มีเจตนาที่จะเป็นสามีภรรยากันมาตั้งแต่ต้น
กรณีเช่นนี้ต้องดำเนินการร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้การสมรสนั้นเป็นโมฆะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงไม่ได้เดินทางไปจดทะเบียนสมรสด้วยตนเอง และมอบหลักฐานให้ใช้ดำเนินการหรือไม่ทราบเรื่อง ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่า คู่สมรสฝ่ายชายและหญิงไม่ได้มีเจตนาที่จะสมรสและยินยอมเป็นสามีภรรยามาตั้งแต่ต้น หากแต่กระทำเพื่อประโยชน์ตอบแทน ประกอบกับมีข้อเท็จจริงว่ามีการปลอมแปลงลายมือนายทะเบียน
จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนอำเภอแห่งท้องที่ที่มีอำนาจตามกฎหมายในการรับจดทะเบียนสมรสจึงสามารถเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นได้ โดยไม่ต้องแจ้งสิทธิให้คู่กรณีได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากมีกรณีใดได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้คำพิพากษาว่าการสมรสของคู่สมรสคู่หนึ่งคู่ใดเป็นโมฆะแล้ว นายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนอำเภอแห่งท่องที่ที่มีอำนาจตามกฎหมายในการรับจดทะเบียนสมรสนั้น จำต้องรอผลการพิจารณาพิพากษาของศาลเพื่อไม่ให้มีการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนกัน