พลิกปูม 4 คดีฉาว! เขย่า "รบ.ประยุทธ์" สอบตกนโยบายปราบโกง?
"..ทั้งหมดนี่ เป็นตัวอย่างบางส่วน ที่สำนักข่าวอิศรา นำมาเสนอ ซึ่งยังไม่นับรวมกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูเหมือนจะมีอาการหงุดหงิดทุกครั้ง ที่ถูกสำนักข่าวอิศรา ตั้งคำถาม เกี่ยวกับข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ และนำมาสู่ข้อสงสัยที่ว่า แท้จริงแล้ว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีความจริงใจกับการตรวจสอบปัญหาทุจริตมากน้อยแค่ไหน .."
นับตั้งแต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เข้าทำการยึดอำนาจรัฐประหาร จากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 และจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นมาบริหารงานประเทศอย่างเป็นทางการ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี "ผู้มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด"
ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ที่เกาะกินสังคมไทยมาช้านาน และเป็นชนวนเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยก
ดูเหมือนจะเป็นความหวังสำคัญประการหนึ่ง ที่คนไทยทั้งประเทศ เอาใจช่วย มุ่งหวังที่จะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทหารชุดนี้
ยิ่งในช่วงการเข้ามาบริหารประเทศ คสช. ได้ออก คำสั่ง ฉบับที่ 69 สั่งหน่วยงานรัฐวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนทุจริตให้ลงโทษอย่างเฉียบขาด แค่มีเหตุอันควรสงสัย ก็ให้อำนาจหัวหน้าส่วนราชการ เข้าไปตรวจสอบจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่างรวดเร็ว
(อ่านประกอบ : คสช.สั่งราชการสกัดกั้นทุจริตเด็ดขาด!หน.ปล่อยละเลยโดนฟัน"วินัย-อาญา")
แถมยังมีการแต่งตั้ง คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มีพล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์" ปลัดบัญชีทหารบก ขึ้นมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบและกลั่นกรองโครงการต่างๆ เพื่อไม่ให้มีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้น
รวมถึงการขานรับความร่วมมือจากองค์กรภาคเอกชน ในการหาทางป้องกันและปราบปรามการทุจริตแบบถอนรากถอนโค่น!
ก็ยิ่งทำให้คนไทย จำนวนไม่น้อยเชื่อว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คือ รัฐบาล "ม้าขาว" ที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยได้
หากแต่ภาพความจริงที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะไม่เป็นตามที่คนในสังคมไทยคาดหวังกันไว้ เพราะมีหลายโครงการ และมีหลายพฤติการณ์ ที่ชี้ชวนให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังมิไม่ได้เอาจริงเอาจริงกับการปราบการทุจริตเท่าที่ควร
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมข้อเท็จจริงมานำเสนอให้เห็นภาพชัดเจนดังนี้
@ ผลสอบจัดซื้อไมโครโฟนฉาว มีส่วนต่างเยอะแต่ไม่ถึงขั้นทุจริต
หลังจากที่เข้ามาบริหารประเทศ "รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์" ก็ถูกรับน้อง ด้วยปัญหาการจัดซื้อไมโครโฟนไฮเทค สำหรับห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในทำเนียบรัฐบาล ที่ถูกกล่าวหาว่ามีราคาสูงถึงเครื่องละ 1.4 แสนบาท โดยปรากฏข้อมูลว่าบริษัท อัศวโสภณ จำกัดเป็นผู้รับเหมาแต่ยังไม่มีการทำสัญญาว่าจ้างอย่างเป็นทางการ
ร้อนถึงคนในรัฐบาล ต้องรีบออกมาการันตี ยืนยันความบริสุทธ์ ว่า เรื่องนี้ไม่มีนอกมีในอะไร เป็นเพียงความผิดพลาดในขั้นตอนการดำเนินงานที่เร่งรีบดำเนินการมากไปหน่อย เพื่อให้งานเสร็จแล้ว เป็นหน้าเป็นตากับครม.ชุดใหม่
ก่อนจะมีการมอบหมายให้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการ ใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) ที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เข้ามาตรวจสอบเป็นทางการ เพื่อสยบกระแสข่าวด้านลบ
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจของเรื่องนี้ ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง ก็คือ ผลสอบที่สรุปออกมาเป็นทางการ ระบุว่า ไม่ถึงขั้นมีการทุจริต เพียงแต่มีส่วนต่างเยอะ เนื่องจากต้องรีบดำเนินการให้เสร็จทันตามเวลาและจะให้มีการประกวดราคาจัดจ้างใหม่ ก่อนที่เรื่องจะค่อยๆ เงียบหายไป
(อ่านประกอบ : เปิดเอกสารลับ"อนันตพร"พันอนุมัติงบปรับปรุงทำเนียบ-ข้อสงสัยผลสอบไมค์ฉาว!)
@ เปิดขุมข่ายผู้รับเหมาพระประแดง กวาดงานสนามยิงปืนโคราช
ในช่วงต้นเดือนก.ค.57 สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับงานก่อสร้างสนามยิงปืนตำรวจภูธรภาค 3 (สีคิ้ว) (สนามยิงปืนแสงสิงแก้ว) ของตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
โดยปรากฎข้อมูลว่า บริษัทแอนชอริก (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท สมบูรณ์ แอนด์ เอส.พี.รับเบอร์ จำกัด และบริษัท บี ดับเบิ้ลยู พี จำกัด ที่ได้รับงานว่าจ้างก่อสร้างสนามยิงปืนตำรวจภูธรภาค 3 (สีคิ้ว) (สนามยิงปืนแสงสิงแก้ว) ของตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ไปจำนวนทั้งสิ้น 12 สัญญา รวมวงเงิน 45,118,000 บาท จากจำนวนสัญญาว่าจ้างทั้งหมด 14 สัญญา รวมวงเงิน 47,549,000 บาท เป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน
และบริษัททั้ง 3 แห่ง เพิ่งแจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์การประกอบกิจการให้มีคุณสมบัติตรงตามประเภทงานที่จะเข้ามารับก่อสร้างในสนามยิงปืน เพียงระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน
ขณะที่ในขั้นตอนการซื้อซอง ยื่นซอง การตรวจสอบคุณสมบัติ ไม่ถูกคณะกรรมการพิจารณาการประกวดราคาของ สตช.ท้วงติง อะไร?
แต่สุดท้ายเรื่องนี้ ก็เงียบหายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
(อ่านประกอบ : ขมวดปมข้อพิรุธ งานสนามยิงปืน 47 ล. วัดใจ"ประยุทธ์" เชือดไก่ให้ลิงดู , เปิดชัดๆ รีบปั้นเอกสารประมูลสนามยิงปืนโคราช ก่อนทำสัญญาจ้าง"วันเดียว" , ความลับแตก!3 บริษัทรับเหมาสนามยิงปืน 47 ล."ผู้ถือหุ้น"กลุ่มเดียวกัน, กางหลักฐานมัด 3 บริษัท"พระประแดง"เครือเดียวกัน กวาดงานสนามยิงปืน 45 ล. , มัด 3 บริษัทใช้“ตัวละครคนเดียว”ปั้นเอกสารก่อนประมูลสนามยิงปืนโคราช)
@ บริษัทเก่า "ยงยุทธ" โฆษกรัฐ คว้างานพีอาร์รัฐบาลเพียบ
ไม่ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การปรากฎรายชื่อ บริษัท ดี.เอ็ม.อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเก่าของน.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกรัฐบาล เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงานราชการ จำนวนมาก มาจากเหตุผลอะไร
และการที่บริษัทฯ รับงานโครงการธงฟ้า ลดค่าใช้จ่ายประชาชน วงเงิน 4,280,000 บาท ของ บริษัท ดี.เอ็ม.อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งทำสัญญากับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ วันที่ 30 มิ.ย.57 ก่อนที่ร้อยเอกยงยุทธ ลาออกจากกรรมการและหุ้นใหญ่ประมาณหนึ่งเดือน (ข้อเท็จจริงตามเอกสาร) จะถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ สำนักข่าวอิศรา ถูกปฎิเสธการใช้สิทธิตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ในการขอเอกสารหลักฐานมาใช้ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้
20 ต.ค.57 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้ยื่นหนังสือขอใช้สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขอให้เปิดเผยหนังสือสัญญาจ้างบริษัท ดี.เอ็ม.อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ดำเนินการประชาสัมพันธ์การจัดงานธงฟ้าคืนความสุข เมื่อ 30 มิ.ย.56 ในวงเงิน 4,280,000 บาท
วันที่ 10 พ.ย.2557 นายฉัตรชัย ศักดิ์ศิลปชัย ผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศและแผนงานการค้าในประเทศ กรมการค้าภายใน ได้มีหนังสือตอบกลับมายังผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวเป็นข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผยอาจะเป็นการรุกล้ำหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และอ้างอีกว่า ผู้สื่อขอข้อมูล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเอกสารข้อมูลข่าวสารดังกล่าวโดยตรง
(อ่านประกอบ:กรมการค้าภายใน พณ.ไม่เปิดข้อมูลจ้าง บ.ยงยุทธพีอาร์ธงฟ้า 4.2 ล้าน)
ต่อมาวันที่ 11 พ.ย.2557 ผู้สื่อข่าวได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
(อ่านประกอบ:ผู้สื่อข่าวอิศรายื่นอุทธรณ์ฯ ขอเปิดข้อมูล บ.ยงยุทธคว้างานธงฟ้า)
ขณะนี้เรื่องค้างอยู่ที่สำนักงานข้อมูลข่าวสารของทางราชการ (สขร.)
@ 2 บริษัทจัดอีเวนท์“คืนความสุข”เมืองนนท์ 20 ล. “หุ้นใหญ่”ร่วมธุรกิจ“บิ๊กป๊อก”
ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 4 ก.ย.57 ระบุว่า มีหนี้สินค้ำประกัน ให้กับบริษัท พฤกษาพรรณ พัฒนา จำกัด ในวงเงิน 258,940,000 บาท เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2556
ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลว่า ผู้รับเหมาจัดงานโครงการลูกท่งแสนสุขจังหวัดนนทบุรี ปี 2557 (คืนความสุขประชาชนบริเวณท่าน้ำนนท์) โดย สำนักงานจังหวัดนนทบุรี สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าจาง บริษัท ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด วงเงิน 10 ล้านบาท เมื่อ 11 ก.ย. 57 และ โครงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเพณีและวัฒนธรรมจังหวัดนนทบุรีผ่านสื่อประชาสัมพันธ์และสื่อดิจิตอลประจำ ปี 2557 โดย บริษัท อาร์เอ็นวีซัพพลาย จำกัด เป็นผู้รับจ้าง วงเงิน 10 ล้านบาท 12 ก.ย. 57 (มีการตรวจสอบพบข้อมูลในภายหลังว่าได้รับงานว่าจ้างจากหน่วยงานรัฐอีกเป็นจำนวนมาก)
มีกรรมการและผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกัน คือนายชาญชัย พาณิชยารมณ์ และ นายสมหมาย ฆ้องอินต๊ะ และยังเป็นเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในบริษัท พฤกษาพรรณ พัฒนา จำกัด ซึ่งปรากฎชื่อ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร่วม เป็นกรรมการด้วย ก่อนที่จะมีการแจ้งลาออก ในช่วงเดือนก.ค.57
เรื่องนี้ ยังไม่ปรากฎข้อมูลว่า มีการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และมีเรื่องผลประโยชน์เชิงทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจ ก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนในภายหลังว่า เคยทำธุรกิจและได้ร่วมเป็นกรรมการ บริษัท พรรณพฤกษา พัฒนา จำกัด และเป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อของบริษัทดังกล่าวต่อสถาบันการเงินจริง แต่ได้ถอนการค้ำประกัน (อยู่ระหว่างดำเนินการของธนาคาร)และลาออกจากกรรมการแล้ว และไม่รู้จักกับนายชาญชัย แต่อย่างใด
(อ่านประกอบ : ผ่าสัมพันธ์ธุรกิจ“ชาญชัย-สมหมาย”ก่อนคว้า 41.7 ล.-“อนุพงษ์”ปัดเอี่ยว!)
ไม่นับรวมการจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงและเรือกู้ภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) วงเงินกว่า 7 พันล้านในยุคก่อนหน้านี้ซึ่งมีเงื่อนงำหลายประการ ทว่ารัฐบาลชุดนี้ยังไม่มีท่าทีเข้ามาสะสางข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
ทั้งหมดนี่ เป็นตัวอย่างแบบชัดๆ บางส่วน ที่สำนักข่าวอิศรา รวบรวมนำมาเสนอ ซึ่งยังไม่นับรวมกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูเหมือนจะมีอาการหงุดหงิดทุกครั้ง ที่ถูกสำนักข่าวอิศรา ตั้งคำถาม เกี่ยวกับข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ
และนำมาสู่ข้อสงสัยที่ว่า แท้จริงแล้ว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีความจริงใจกับการตรวจสอบปัญหาทุจริตมากน้อยแค่ไหน?
หรือนโยบายเรื่องนี้ เป็นเพียงแค่ "วาทกรรม" อย่างหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้เครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อสร้างค่านิยมทางการเมืองอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
ขณะที่การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ถูกระบุเป็นหนึ่งในแบบประเมินผลสำเร็จการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่ผ่านมาด้วย
ซึ่งในช่วงการบริหารงานประเทศไทยนับจากนี้ไป ยังมีเวลาเพียงพอที่จะให้รัฐบาลชุดนี้ แก้ไขและปรับปรุง เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาทุจริตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
"ไม่สอบตก" เหมือนการบริหารงานของรัฐบาลหลายยุคที่ผ่านมา
เพราะ "เมื่อท่านพูดเราจะฟัง แต่เมื่อท่านลงมือทำ เราจึงจะเชื่อ"