วิเคราะห์การเมือง’58 คสช.เผชิญคลื่นใต้น้ำ-ฝ่าปมเดือดรธน.!?
“กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ท่านหลักการดี แต่พอรูปจริงออกมา เขาก็ลงเรือแป๊ะ ที่พูดว่าลงเรือแป๊ะ ตามใจแป๊ะ เป็นความจริง ร่างรัฐธรรมนูญตามที่แป๊ะต้องการ"
ปีแพะ 2558 รัฐบาลและคสช. จะเผชิญศึกการเมืองรุมกระหน่ำรอบด้านเป็นแน่แท้ ทั้งความขัดแย้งภายในกันเอง คลื่นใต้น้ำจากขั้วอำนาจเก่า และกลุ่มผู้สูญเสียประโยชน์
ไม่นับรวมข้อถกเถียงเรื่องการปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะเค้าโครงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ดูแล้วอาจเป็นฉนวนก่อวิกฤตความไม่สงบในบ้านเมืองอีกระลอก?
“สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประเมินว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันข้างบนดูราบเรียบ แต่ข้างล่างน้ำเชี่ยวกราก เพราะการเคลื่อนไหวต้านคสช.ในต่างจังหวัดยังมีอยู่
ฉะนั้น คสช.จะเจอปัญหารุมเร้าหลายด้าน เจอการเคลื่อนไหวต่อต้านที่เข้มข้นด้วยผลที่เกิดจากการปฏิรูปและหลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ประชาชนมีความคาดหวังกับคสช. และรัฐธรรมนูญ หากไม่เป็นไปตามความคาดหวัง จะเจอแรงกดดันทำให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ทำงานไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะข้อวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญ เรื่องระบบเลือกตั้งและการตรวจสอบ”
ไม่นับรวมการเผชิญศึกและแรงกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาพืชเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำ ทั้งข้าวและยางพารา เรื่องปากท้องประชาชนเหล่านี้ จะทำให้รัฐบาลคสช.ทำงานยากลำบากเช่นกัน
“กปปส. ให้กำลังใจคสช. สปช. และกรรมาธิการยกร่างฯ ในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ต้องหนักแน่น เพื่อไม่ให้ประเทศกลับไปติดหล่มวังวนการเมืองแบบเดิมอีก”สาทิตย์ กล่าว
“วีระกานต์ มุสิกพงศ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) วิเคราะห์ว่า การเมืองปี 2558 จะเป็นปีแห่งความยุ่งยากของคสช. ที่มาจากวิฤตจากรัฐธรรมนูญโดยตรง เห็นได้จากการเปิดช่องให้คุณสมบัตินายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาจากส.ส.
“เค้าโครงรัฐธรรมนูญที่กำลังจะออกมา เขาไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง กันคนแบบทักษิณไม่ให้มาครอบงำส.ส. แต่หารู้ไม่ว่ากำลังผลักส.ส. ให้ไปสู่ระบบวุ่นวาย หากเคาะอออกมา ประชาชนจะแย่ เพราะการเมืองไม่มีเสถียรภาพ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้”
อดีตประธานนปช. ชี้ว่า ความวุ่นวายจากรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ ส.ส. จะไม่มีระเบียบวินัย ไม่รู้จักการทำงานเป็นระบบ วันนี้ ส.ส.หนุนรัฐบาลจำนวนเท่านี้ วันพรุ่งนี้ ส.ส. หายไปโดยรัฐบาลไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความคิดใหม่ให้ประชาชนว่าเรื่องมีองค์กรอิสระไว้ตรวจสอบ แต่หารู้ไม่ว่าองค์กรอิสระเละเทะที่สุด ก็จะทำให้เกิดรัฐบาลล้มลุก พรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง
“เครื่องมือทางการเมืองก็คือพรรคการเมือง เมื่อเครื่องมือนี้ไม่เข้มแข็งเสียแล้ว ระบบนี้ก็จะเป็นระบบที่แก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ ก็สมความปรารถนาเขา ที่ไหนเละเทะอำนาจเผด็จการก็มา เพราะทุกคนเรียกหาเผด็จการ
วีระกานต์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ การไม่สังกัดพรรค เป็นเรื่องที่เคยผ่านมาแล้ว และอันตรายที่สุด โดยใน ปี2511-2514 เป็นช่วงที่ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง วุ่นวายจนจอมพลถนอม(กิตติขจร)ยังอยู่ไม่ได้ แม้จะมีเสถียรภาพทางทหารมั่นคง เจอสภาที่ไม่สังกัดพรรค ก็ล้มไม่เป็นท่า
ถัดมา ปี 2517 2518 ได้รัฐธรรมนูญใหม่ก็มีการบังคับว่า ต้องสมัครพรรคการเมือง เพื่อปฏิเสธเรื่องวุ่นวาย ก็ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ก็มาล้มลงตอน 6 ตุลา 2519 หลังจากนั้นมาก็ไม่มีอะไรเป็นมาตรฐาน
ต่อมาปี 2535 ก็ติดปัญหาว่านายกฯควรจะเป็นส.ส.หรือไม่ สุดท้ายสู้กันจนนองเลือด และบอกว่านายกฯควรเป็นส.ส.
“มาวันนี้ เอาอีกแล้ว นายกฯมาจากไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องส.ส. นั่นจะนำไปสู่วิกฤต คอยดูสิ เหมือนสมัยสุจินดา(คราประยูร) ไม่ใช่วิกฤตอื่นใด แต่เป็นวิฤตจากรัฐธรรมนูญโดยตรง รัฐธรรมนูญเขียนแบบนี้ อยู่ไม่ยืด บ้านเมืองจะยุ่ง”
“กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ท่านหลักการดี แต่พอรูปจริงออกมา เขาก็ลงเรือแป๊ะ ที่พูดว่าลงเรือแป๊ะ ตามใจแป๊ะ เป็นความจริง ร่างรัฐธรรมนูญตามที่แป๊ะต้องการ” วีระกานต์ กล่าว
ด้าน แหล่งข่าวจากสปช. ชี้ว่า การปฏิรูปจะเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของคสช. หากทำเรื่องปฏิรูปไม่สำเร็จ วิกฤตการเมืองจะกลับมาอีกระลอก และหนักหน่วงกว่าเดิม
โจทย์การเมืองท้าทายในปีหน้าคือ ปฏิรูปอย่างไรที่จะทำให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนจริงๆ ไม่ให้เขาเกี๊ยเซี้ยกัน เป็นสมบัติผลัดกันชม รัฐบาลคสช.เองก็ต้องโปร่งใส ไม่ทุจริตเสียเอง เพราะหากเป็นเช่นนั้น เชื่อว่ารัฐบาลทหารก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน
“สมัยคุณสุจินดา แข็งแรงมาก กุมกองทัพทั้งหมด แต่กลับอยู่ได้ไม่นาน เที่ยวนี้ หากคุณไม่จริงใจกับประชาชนจริงๆ หรือมีข้อมูลว่ารัฐบาลคสช.ไม่โปร่งใส ท้ายสุดก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน”
เอาเข้าจริงแล้ว การมีรัฐธรรมนูญใหม่ อาจไม่ใช่คำตอบของการปฏิรูปประเทศ ก็เป็นได้?
ขอบคุณภาพจาก:คลังภาพ ศูนย์สื่อทำเนียบ