นักวิชาการหนุนตั้งศูนย์บริการข้อมูลด้านอุบัติภัยบนถนน
เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติห่วงอุบัติภัยทางถนนยังรุนแรง เตรียมชง คสช. เดินหน้าขับเคลื่อนทุกมาตรการ นักวิชาการหนุนตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ ลงโทษผู้ขับขี่ทำผิดซ้ำซาก พร้อมยกเครื่องการออกใบอนุญาต พุ่งเป้ามอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ห้ามรถทัวร์สองชั้นวิ่งในบางเส้นทาง
เร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) พ.ศ.2557 จัดประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 2 เรื่อง "การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน"
น.ส.กาญจนา ทองทั่ว กรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) เปิดเผยถึงมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเรื่อง ‘การแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน’ ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาแล้วหลายประการ ทั้งในระดับนโยบายและในระดับพื้นที่ เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน อาทิ แนวทางการสอบใบขับขี่ จากเดิมตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก กำหนดให้ผู้สอบต้องรับการอบรมเพียง 1 วัน ปรับเปลี่ยนเป็น 4 วัน นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ขานรับข้อเสนอไปปฏิบัติอย่างจริงจังเช่นกัน
สำหรับอุปสรรคที่สำคัญในการแก้ปัญหา กรรมการ คมส. กล่าวว่า เป็นเรื่องการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จัดกิจกรรมรณรงค์เหมือนการจัดงานอีเว้นท์ ไม่ก่อให้เกิดวิถีความปลอดภัยทางถนนอย่างแท้จริง ขณะที่การขับเคลื่อนของภาคประชาชน ถือว่ามีความจริงจังมากกว่า
"จะมีการนำข้อเสนอและความก้าวหน้า ที่ได้จากภาคีเครือข่ายมาประมวลว่า จุดไหนเป็นจุดคานงัดที่จะต้องเร่งทำ ทั้งรับฟังข้อเสนอใหม่ ๆ เพื่อให้การแก้ปัญหาทันต่อสถานการณ์ และจะเสนอต่อคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับทราบ เพื่อนำสู่การแก้ปัญหาต่อไป" น.ส.กาญจนา กล่าว
ด้านนายประสิทธิ์ คำเกิด ผู้แทนจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามมติของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ทำการวิจัยเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ว่าการบังคับใช้มีปัญหาหรืออุปสรรคในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งพบว่าในปัจจุบันปัญหาได้รับการแก้ไขไปมาก โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุน อีกทั้งยังมีการเพิ่มวงเงินคุ้มครองเงินจาก 1.5 หมื่นบาท เป็น 4 หมื่นบาท ขณะที่ผู้ใช้สิทธิ์ยังสามารถรักษาพยาบาลผ่านโรงพยาบาลได้ทันที
ทั้งนี้ จากการศึกษา ยังพบปัญหาน่าห่วงว่า ขณะนี้มีรถที่ไม่ได้ทำประกันภัยตาม พ.ร.บ.จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์และมีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคัน ในกรณีนี้จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้รับการคุ้มครองจาก พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐควรหาทางแก้ไขเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้รถเหล่านี้ด้วย
ขณะที่ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก นักวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเรื่องอุบัติภัยทางถนน กล่าวว่า ข้อเสนอในการป้องกันอุบัติภัยทางถนนที่อยากผลักดันให้เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ คือการตั้ง ศูนย์บริการข้อมูลด้านอุบัติภัยบนถนน ที่เป็นศูนย์กลางมีฐานข้อมูลสำหรับตรวจสอบผู้กระทำความผิดซ้ำซาก เพื่อเพิ่มบทลงโทษ ทั้งยังเสนอให้มีการแยกใบอนุญาตขับจักรยานยนต์ระหว่างรถขนาดเล็กกับรถแบบบิ๊กไบค์ เหมือนในต่างประเทศ เนื่องจากระยะหลังบิ๊คไบค์เกิดอุบัติเหตุที่มีความสูญเสียรุนแรงจำนวนมากขึ้น
ส่วนผู้ที่ประกอบอาชีพขับรถขนส่ง หรือรถสาธารณะ นักวิชาการ เสนอว่าให้แยกระหว่างใบอนุญาตขับรถ กับใบประกอบวิชาชีพขับรถสาธารณะ โดยกำหนดให้ต้องต่อใบประกอบวิชาชีพทุกปี นอกจากนี้ ในการเดินรถทัวร์แบบสองชั้น ควรมีนโยบายให้ยกเลิกการเดินรถในบางเส้นทางที่อาจเกิดอันตราย ส่วนการตรวจสภาพรถของเอกชน (ตรอ.) ต้องมีมาตรฐานการตรวจที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เป็นต้น
สุดท้ายนายอำนาจ สุรีรัตน์ ชมรมร่วมใจพัฒนาคนพิการ จ.สระบุรี กล่าวถึงความสูญเสียจากอุบัติเหตุแต่ละปีมีมูลค่านับหมื่นล้าน แต่สงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะมาดูแลโดยตรงเกี่ยวกับการควบคุมและลดอุบัติเหตุทางถนน และหน่วยงานนี้ควรกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อดูแลและป้องกันอุบัติภัยบนถนนได้อย่างทั่วถึง .
ภาพประกอบ:www.thaihealth.or.th