เจาะ"กุหลาบแก้ว" 8 ปีหลังซื้อหุ้นชินฯ 7 หมื่นล.-คดี"นอมินี"หายวับ!ช่วง 2 ปี
เจาะข้อมูลธุรกิจ บ.กุหลาบแก้ว ตัวละครเอกซื้อขายหุ้นชินคอร์ปชินวัตร 7 หมื่นล.ช่วงปี 49 ก่อนโชว์รับเงินปันผล 1.8 หมื่นล. หลังลงทุนผ่าน ซีดาร์โฮลดิ้งส์ รวมยอด 8 ปี ฟัน 2.2 หมื่นล.- พบ สถานะทางคดีกรณีนอมินี"ดาโต๊ะสุรินทร์"ไม่ปรากฎในงบการเงินปี 55-56
หลายคนอาจทราบแล้วว่า บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ตัวละครเอกในคดีประวัติศาสตร์การซื้อขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของคนในตระกูลชินวัตร ให้แก่กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท ถูกระบุว่าอาจเป็นการทำธุรกรรมอำพราง นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจล่าสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.2556 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่ามีรายได้จากเงินปันผลเป็นจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท ตามข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอก่อนหน้านี้
(อ่านประกอบ : ฮือฮา!"กุหลาบแก้ว"ตัวละครเอกคดีซื้อหุ้นชินคอร์ป โชว์เงินปันผลล่าสุด1.8หมื่นล.)
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ก่อนที่จะได้รับเงินปันผลจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 ม.ค.49 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 8 ปี การดำเนินธุรกิจในภาพรวมของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด เป็นอย่างไร
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก บริษัทกุหลาบแก้ว จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มานำเสนอ ณ ที่นี้
ทั้งนี้ ภายหลังจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 ม.ค.49 และเริ่มเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป
ในช่วงเริ่มต้น บริษัทฯ มีกรรมการ 3 ราย คือ นายวีรพจน์ วิเศษศิลปานนท์ (ทนายความ) นายเอส ไอสวาน (นักธุรกิจสิงคโปร์) และน.ส.ไชยูจู (นักธุรกิจสิงคโปร์) มีทุนจดทะเบียน 1 แสนบาท
สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 21 /125-126 อาคารไทยวา เทเวเวอร์ 2 ชั้น 17 ถ.สาธรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. นายสมยศ สุธีรพรชัย (ทนายความ) ถือหุ้นใหญ่ 5,094 หุ้น ส่วนบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถืออยู่ 4,900 หุ้น
ต่อมา 20 ม.ค.49 นายวีรพจน์ วิเศษศิลปานนท์ แจ้งลาออกจากการเป็นกรรมการ นายพงส์ สารสิน เข้ามาเป็นกรรมการแทน
15 ก.พ.49 บริษัทฯ แจ้งเพิ่มทุน เป็น 164,400,000 บาท
13 มี.ค.49 แจ้งเพิ่มุทน เป็น 4,000 ล้านบาท ขณะที่ นายพงส์ สารสิน และ น.ส.ไชยูจู แจ้งลาออกจากกรรมการ นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล (ดาโต๊ะสุรินทร์) และนางสุธีรา อุปพัทธางกูร เข้ามาเป็นกรรมการแทน
26 พ.ค.49 นายเอส ไอสวาน แจ้งลาออกจากกรรมการ นายฟุ ซิวเฮง นักธุรกิจสิงคโปร์ เข้ามาเป็นกรรมการแทน
18 ส.ค.49 บริษัทฯ แจ้งย้ายที่ตั้งสำนักงาน เป็นเลขที่ 1 อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ชั้น 34 ถนนสาธรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.
ต่อมา 6 ก.พ.50 บริษัทฯ แจ้งย้ายที่ตั้งสำนักงานอีกครั้ง เป็นเลขที่ 582 หมู่ที่ 6 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ (ที่อยู่ปัจจุบัน)
จากนั้น 21 ก.ย.50 นายฟุ ซิวเฮง นักธุรกิจสิงคโปร์ แจ้งลาออกจากกรรมการ ทำให้เหลือกรรมการ 2 คน คือ นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล (ดาโต๊ะสุรินทร์) และนางสุธีรา อุปพัทธางกูร มาจากถึงปัจจุบัน
ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง โดยนายพงส์ สารสิน ไม่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.56
ล่าสุดรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 มีนาคม 2557 มีจำนวน 3 ราย โดยนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ถือหุ้นใหญ่สุด 277,096,397 หุ้นๆ ละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่า 2,770,963,970 บาท
บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถืออยู่ 119,615,603 หุ้น มูลค่า 1,196,156,030 บาท
และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถืออยู่ 3,288,000 หุ้น มูลค่า 32,880,000 บาท
(ดูเอกสารประกอบ)
ส่วนผลการประกอบธุรกิจ บริษัทฯ นำส่งงบการเงิน สรุปดังนี้
ปี 2549
แจ้งว่ามีรายได้รวม 15,288,016 บาท มีรายจ่ายรวม 3,712,968,496 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,700,919,619 บาท
ปี 2550
แจ้งว่ามีรายได้รวม 84,939,767 บาท มีรายจ่ายรวม 6,349,739 บาท กำไรสุทธิ 75,062,599 บาท
ปี 2551
แจ้งว่ามีรายได้รวม 14,655,748 บาท มีรายจ่ายรวม 2,614,546 บาท กำไรสุทธิ 8,347,536 บาท
ปี 2552
แจ้งว่ามีรายได้รวม 7,939,651 บาท มีรายจ่ายรวม 2,116,031 บาท กำไรสุทธิ 4,078,975 บาท
ปี 2553
แจ้งว่ามีรายได้รวม 4,364,106 บาท มีรายจ่ายรวม 1,973,151 บาท กำไรสุทธิ 1,679,210 บาท
ปี 2554
แจ้งว่ามีรายได้รวม 9,330,833 บาท มีรายจ่ายรวม 2,095,628 บาท กำไรสุทธิ 5,057,071 บาท
ปี 2555
แจ้งว่ามีรายได้รวม 3,652,412,299 บาท มีรายจ่ายรวม 2,081,138 บาท กำไรสุทธิ 3,648,281,984 บาท
ล่าสุด ปี 2556
แจ้งว่ามีรายได้รวม 18,919,103,859 บาท มีรายจ่ายรวม 1,907,418 บาท กำไรสุทธิ 18,899,402,370 บาท
คิดรวมเฉพาะรายได้ เป็นจำนวนเงิน 22,708,034,279 บาท
ปีที่มีรายได้สูงสุดคือ ปี 2556 มาจากรายได้เงินปันผล เป็นเงิน 18,828,225,456 บาท
จากการตรวจสอบงบการเงินแสดงผลประกอบการ ปี 2556 ที่นำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2557
ผู้สอบบัญชีระบุในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ว่า ธุรกิจหลักของบริษัท คือการลงทุนในบริษัทอื่นโดยการถือหุ้น และนับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ไม่มีพนักงานประจำ
โดยมีเงินลงทุนใน บริษัท ซีดาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นจำนวน 3,617,600,000 บาท และมีเงินให้ บริษัท ซีดาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด กู้ยืมเป็นจำนวน 21,767,687 บาท เป็นเงินกู้ประเภทไม่มีหลักประกัน และได้รับการชำระคืนครบถ้วนแล้ว เมื่อวันที่ 17 ก.พ.56 ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ย้อนหลังไปจนถึงปี 2549 ที่บริษัทฯ จัดตั้งขึ้นมา พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ปี 2549 , 2550, 2551, 2553 และ 2554 (งบปี 2554 นำส่งเมื่อ 16 พ.ค.2555) จะมีการระบุสถานะทางนิติบุคคลของบริษัท ว่า
" เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวหานายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ผู้ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทฯ ว่า ได้กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งทางพนักงานตำรวจของไทย ได้ทำการสอบสวนคดีนี้ อย่างไรก็ตาม จนถึงวันที่ ทำรายงานฉบับนี้ ทางพนักงานอัยการของไทยยังไม่ได้เริ่มต้นดำเนินคดีใดๆ ต่อนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และปัจจุบัน ฐานะทางการเงินที่สำคัญของกิจการและความสามารถในการดำเนินงานต่อไปของกิจการไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด"
ทั้งนี้ น่าสังเกตว่า ในหมายเหตุงบการเงิน ช่วงปี 2555-2556 ไม่ได้มีการระบุถึงสถานะทางนิติบุคคลของบริษัทในประเด็นนี้ ไว้งบการเงินบริษัทฯ ทั้ง 2 ปี เหมือนปีก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
(ในช่วงปี 2554-2556 เป็นช่วงการบริหารประเทศ ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร)