ครอบครัวมะยูโซ๊ะเหยื่อฝนกระหน่ำใต้... อาศัยท้ายรถกระบะแทนบ้าน
ฝนถล่ม น้ำทะลักที่ชายแดนใต้ ทำให้ครอบครัวของ มะยูโซ๊ะ มูแย วัย 47 ปี ต้องอาศัยอยู่ท้ายรถกระบะแทนบ้าน เพราะบ้านของพวกเขาพังทลายกลายเป็นกองไม้
ครอบครัวของมะยูโซ๊ะมีด้วยกัน 3 ชีวิต คือ ตัวเขาเอง ภรรยา และลูกชาย บ้านของเขาที่พังลง ตั้งอยู่เลขที่ 24 หมู่ 3 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี วันที่ "ทีมข่าวอิศรา" ไปพบมะยูโซ๊ะนั้น เขาและครอบครัวต้องอาศัยนอนอยู่ท้ายรถกระบะของตนเอง ยี่ห้อดัสสัน หมายเลขทะเบียน น 3111 ปัตตานี ถึง 2 คืนแล้ว
มะยูโซ๊ะ เล่าว่า คืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ มีฝนตกหนักและลมแรง ระหว่างนั้นกำลังเดินจะไปอาบน้ำที่บ่อน้ำหน้าบ้าน ส่วนภรรยาอยู่ในครัวกับลูก จู่ๆ บ้านก็ถล่มลงมา ภรรยาและลูกกระโดดออกมาทางผ่าผนังบ้านได้ทัน ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด เอาอะไรออกมาไม่ได้เลย จึงต้องใช้รถกระบะเป็นที่หลบฝน หลังเกิดเหตุ อบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) ได้นำเต็นท์มากางคลุมให้ ทำให้อยู่ท้ายกระบะได้ ไม่เปียกฝน
"ตอนนี้เข้าวันที่ 3แล้วที่ต้องอยู่แบบนี้ กลางคืนจะกางมุ้งนอนกันสามคนพ่อแม่ลูก นอนกันท้ายกระบะนี่แหละ ตื่นเช้ามาก็ก่อไฟข้างล่าง บริเวณท้ายรถ หุงข้าว ทำกับข้าวกินกัน ตอนนี้ในพื้นที่ก็ยังมีฝน ลมแรง ถามว่ากลัวไหม ก็กลัว แต่ก็ต้องอดทน เรามีแค่นี้ จะย้ายไปสร้างบ้านที่อื่นตามที่หลายคนมาแนะนำก็ไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ เราคนจน คนลำบาก มีแค่นี้ก็ถือว่าโชคดีกว่าคนอีกเยอะ จะมาบังคับอย่างไรก็ไม่มีที่ไป นอกจากที่รถนี่"
มะยูโซ๊ะ เล่าต่อว่า ภรรยาคู่ชีวิตของ มารีแย อีซอ อยู่กินกันมา 12 ปีแล้ว ก็ช่วยกันทำมาหากิน รับซื้อขยะรีไซเคิล
"เราไม่มีลูกด้วยกัน จึงไปรับเลี้ยงลูกของญาติ คือ ด.ช.อารอฟัต กอแต อายุ 3 ขวบ ที่ตอนนี้ต้องมานอนท้ายกระบะด้วยกัน สาเหตุที่รับเลี้ยงลูกของญาติ เพราะญาติลำบากกว่าเรา"
มะยูโซ๊ะ ยังเล่าถึงรถคู่ชีพของเขาซึ่งวันนี้กลายเป็นบ้านชั่วคราวว่า เมื่อก่อนตอนที่ยังมีบ้าน ก็ใช้รถยนต์คันนี้ในการทำงาน ขับไปรับซื้อขยะรีไซเคิล แต่พอไม่มีบ้านก็ต้องใช้อาศัยนอนแทน ตอนนี้งานก็ไม่ได้ไปทำ บ้านก็ไม่มีให้อยู่ ลูกก็ไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าเปียก โดนฝนหมดเลย กลางวันเปียกหมดเพราะจะถูกฝนสาด กลางคืนก็ต้องนอนหนาวกัน ชีวิตนี้บอกได้คำเดียวว่าต้องอดทนเท่านั้น
ด้าน มารีแย วัย 44 ปี ภรรยาของมะยูโซ๊ะ บอกว่า ครอบครัวมีฐานะยากจน มีอาชีพหาซื้อขยะรีไซเคิล ที่ผ่านมาก็ลำบากอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเคราะห์ซ้ำบ้านถล่มอีก ตอนนี้ความรู้สึกเต็มไปด้วยความทุกข์
"ทุกข์ที่ไม่มีบ้าน ทุกข์ที่ไม่มีกิน ทุกข์ที่ทำงานไม่ได้ แต่ทุกข์อย่างไรก็ต้องอดทน ต้องอยู่ให้ได้กับความทุกข์ที่เจอ คิดว่าไม่นานคงหายไป อาจมีสักวันที่เป็นวันที่ดี แต่ตอนนี้มองไม่เห็นทางออกเลย มองไปทางไหนมืดมนไปหมด คิดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องให้ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร"
เธอย้อนเล่าถึงเหตุการณ์วันบ้านถล่มที่ทำให้เกือบเอาชีวิตไม่รอด
"ตกใจมาก กลัวมาก ตอนนั้นอยู่ในครัวกับลูกชาย พอมีเสียงโคมก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว พอรู้สึกตัวก็ถาม อาแบ (สามี) เขาก็บอกว่าก๊ะห์ (สรรพนามแทนตัวเองของผู้หญิง) กระโดดพังฝาผนังบ้านออกมา ก๊ะห์และลูกไม่ได้เจ็บตรงไหน แต่ตกใจมากกว่า เริ่มนึกถึงไก่ที่อยู่ใต้บ้าน แมว 8 ตัวที่เลี้ยงไว้อยู่ตรงไหน ตอนนั้นลืมหมดเพราะกลัว บอกความรู้สึกไม่ถูกเลย เพราะมันสุดๆ จริงๆ"
มารีแย เล่าต่อว่า หลังวันเกิดเหตุ 1 วัน ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 และจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า) เข้ามาให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและให้กำลังใจ กระทั่งรู้สึกดีขึ้น ประกอบกับมีชาวบ้านในพื้นที่เดินทางมาให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีก็มาเยี่ยมอีก ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง
ขณะที่ ด.ช.อารอฟัต กอแต วัย 3 ขวบ ลูกบุญธรรมของมารีแยกับมะยูโซ๊ะ บอกว่า บ้านพังเสียหายหมด ตอนนี้ต้องมานอนกับพ่อแม่ในรถ กลางคืนขยับตัวไม่ได้เลย หนาวด้วย อยากได้บ้านใหม่เร็วๆ
"ตั้งแต่บ้านพังก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลย เพราะไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีรองเท้า ไม่มีหนังสือ ได้แต่อยู่กับพ่อแม่ คืนนั้นกลัวมาก ตกใจกอดแม่อย่างเดียว" เด็กน้อยวัยเพียง 3 ขวบที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาสดๆ ร้อนๆ กล่าว
ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือครอบครัวของมะยูโซ๊ะอย่างรวดเร็ว มาจากการประสานงานของ คอรีเยาะ หะหลี แกนนำกลุ่มสตรีบ้านส้ม ต.ควนโนรี ผู้สูญเสียบิดาไปในเหตุการณ์กรือเซะ เมื่อ 28 เม.ย.2547
คอรีเยาะ บอกว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่าบ้านของก๊ะห์เยาะ (มารีแย) พังเสียหาย ก็รีบไปดู แล้วก็ได้ประสานงานกับหน่วยทหารในพื้นที่ หน่วยแรกที่เข้าไปดูแล คือ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 จากนั้นก็มีนายทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตำรวจ กำนัน นายก อบต. ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดก็เข้าไปเยี่ยม
"การที่หน่วยงานราชการให้ความสำคัญกับชาวบ้านเช่นนี้ ทำให้รู้สึกว่าภาครัฐทำงานดีขึ้น มีการบูรณาการกันดีกว่าที่ผ่านๆ มา ทำให้ชาวบ้านที่ประสบภัยได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว ต่างจากสมัยก่อน ก็ขอขอบคุณที่เข้ามาดูแลชาวบ้าน" แกนนำสตรีบ้านส้ม กล่าว
ด้าน นายวีรพงษ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของมะยูโซ๊ะ ทาง อบต.ได้ให้การ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านจำนวน 30,000 บาท สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จะช่วยต่อเติมบ้านอีก 33,000 บาท โดยจะใช้กำลังคนในการก่อสร้างจากพี่น้องควนโนรี ก็คิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่กี่วันก็จะสามารถสร้างบ้านได้เสร็จ และครอบครัวของมะยูโซ๊ะก็จะสามารถพาครอบครัวเข้าไปอยู่ได้ ตอนนี้ต้องใช้ท้ายรถกระบะอยู่ไปก่อน คิดว่าคงใช้เวลาไม่กี่วัน
"แม้บ้านใหม่อาจไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พอให้สามคนพ่อแม่ลูกได้เข้าไปอยู่ก่อน" ผู้ว่าฯปัตตานี กล่าว
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ครอบครัวของมะยูโซ๊ะต้องไปอาศัยนอนในรถกระบะเก่าๆ เพราะบ้านพัง
2 และ 5 สภาพบ้านในสวนยางพาราของมะยูโซ๊ะที่พังทลาย
3 ภรรยาของมะยูโซ๊ะต้องตั้งเตาประกอบอาหารท้ายรถ
4 ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีรุดเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือ