สนช.รับทราบมติป.ป.ช.ตีตกคดีกิตติรัตน์-310ส.ส.
สนช.รับทราบมติป.ป.ช.ตีตกคดีฟ้องถอด "กิตติรัตน์" เหตุใช้อำนาจขัดต่อพ.ร.บ.กองทุนการออม ชี้ยังไม่มีพฤติการณ์ส่อจงใจขัดต่อรธน. ส่วนกรณี 310 ส.ส.เห็นชอบกม.นิรโทษกรรม ให้จำหน่ายสารบบ
วันนี้ (18ธ.ค.57) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ.... โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก่อนเริ่มประชุมนายพรเพชรแจ้งต่อที่ประชุมว่า ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือมาถึงสภา 2 ฉบับ1.รายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีขอให้ถอดถอนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง ออกจากตำแหน่ง ซึ่งคำร้องระบุว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติตามเสียงข้างมากกว่า ยังฟังไม่ได้ว่า นายกิตติรัตน์ ได้จงใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 อันเป็นเหตุถอดถอนออกจากตำแหน่ง และการกระทำของนายกิตติรัตน์ ฟังไม่ได้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ข้อกล่าวหาจึงตกไป
2.กรณีขอให้ถอดถอนส.ส.ที่ร่วมลงคะแนนเห็นชอบในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผู้ซึ่งกระทำผิดเนื่องในการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนพ.ศ.วาระที่ 3 จำนวน 310 คนออกจากตำแหน่ง ซึ่งคำร้องระบุว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ปปช.พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่าเป็นคำร้องขอให้ถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่ง มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เพียงประการเดียว ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 สิ้นสุดลงแล้วจึงไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เป็นมูลฐานของการพิจารณาซึ่งจะนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งของกระบวนการป.ป.ช.จึงไม่มีเหตุที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงคำร้องขอให้ถอดถอนต่อไป ที่ประชุมจึงมีมติให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ
ขอบคุณข่าวจาก