นพ.ประเวศ แนะสปช.วางแผนทำงานร่วมเครือข่าย- ผู้นำชุมชน สานต่อหลังหมดวาระปฏิรูป
นพ.ประเวศ วะสี ชี้สังคมไทยปัจจุบัน ติดอยู่กับจิตสำนึกเก่ามองเล็ก แคบ และแยกส่วน แนะให้มองใหญ่ สร้างผู้นำที่มีจิตใหญ่ ขับเคลื่อนประเทศ สู่สังคมสันติสุข
วันที่ 11ธันวาคม นักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) รุ่นที่ 5 จัดเวทีสานเสวนา "สานใจประชา สู่การปฎิรูปประเทศไทย" ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ประธานหลักสูตรฯ กล่าวเปิดการเสวนา และปาฐกถาพิเศษถึงการสร้างสังคมสันติสุข ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งใหญ่ของสังคมไทย ที่ทุกคนเห็นตรงกัน และเป็นความคิดที่ใหญ่เลยเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงสังคมไทยปัจจุบันโดยรวมยังติดอยู่กับจิตสำนึกเก่า จิตของสังคมไทยยังเล็กมองแคบและแยกส่วน เฉพาะตัวเอง เฉพาะกลุ่มเล็กๆ มองเห็นเขาเป็นเรา มองเป็นคนอื่น ดังนั้นเราต้องมองใหญ่ รวมถึงการสร้างผู้นำที่มีจิตใหญ่
หลายทศวรรษสังคมไทยพยายามแสวหาสังคมสันติสุข วันนี้เรารู้แล้วว่า 1.ชุมชนต้องเข้มแข็ง ให้ชุมชนท้องถิ่น จังหวัดจัดการตนเอง 2. สัมมาชีพเต็มพื้นที่ 3.การศึกษาเชื่อมโยงกับการพัฒนาทั้งหมด 4.สัมพันธภาพเชิงอำนาจ
ต้องสร้างสังคมแนวราบให้คนมีความเสมอภาคร่วมคิดร่วมทำ มีความเป็นพลเมืองและปฏิรูประบบราชการ ระบบการเมือง ไม่ให้มีการรวมศูนย์ 5.ปฏิรูประบบความยุติธรรมและความเป็นธรรม เป็นต้น
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีการปฏิรูปประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ มีการตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช. ) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นับเป็นความพยายามครั้งใหญ่ของสังคมไทย ที่จะปฏิรูปใน 11 เรื่อง ฉะนั้นกระบวนนี้จึงเป็นการสร้างสังคมสันติสุขให้สังคมไทยได้ในอนาคต
"การปฏิรูประเทศไทยเป็นเรื่องยากและกินเวลา เชื่อ อายุสปช.แค่ 1 ปี ทำได้แค่เครื่องมือแต่กระบวนปฏิรูปนี้ต้องขับเคลื่อนต่อไป" ศ.นพ.ประเวศ กล่าว และเสนอแนะให้ กรรมาธิการด้านต่างๆ ในสปช.ทำงานร่วมกับเครือข่ายพลเมือง หรือผู้นำชุมชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อช่วยกันสานต่อการทำงานหลังจากนี้ต่อเนื่องไปอีก10-20 ปี"