บึ้มทหารเจ็บ3ที่รือเสาะ ผบ.ทบ.ยันน้ำมันเถื่อนโยงป่วนใต้
ใต้ป่วนต่อเนื่องแม้ใกล้สิ้นปี บึ้มสนั่นรือเสาะ ทหาร ฉก.นราธิวาส 30 บาดเจ็บ 3 นาย ระทึกถล่มป้อมชรบ.กลางดึกที่บันนังกูแว ด้าน ผบ.ทบ.กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าคุมยาเสพติด-น้ำมันเถื่อน ชี้เป็นภัยแทรกซ้อนแถมโยงไฟใต้ ยอมรับเจ้าหน้าที่มีเอี่ยว แต่การดำเนินการต้องขึ้นกับหลักฐาน เตรียมถกมาเลย์รอบ 2 กำหนดกรอบพูดคุยสันติสุข แต่ยังไม่เห็นชื่อคู่เจรจา คาดอยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวตน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ธ.ค.57 ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นประปราย โดยเมื่อวันพุธที่ 10 ธ.ค. เวลาประมาณ 11.40 น. ร.ต.ท.มารุต นิลโกสีย์ ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15132 (ร้อย ร.15132) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 บริเวณริมถนนรอยต่อหมู่ 2 กับหมู่ 6 บ้านดาละ ต.เรียง อ.รือเสาะ ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุเป็นกำแพงปูนริมถนน ซึ่งเป็นกำแพงบนที่ดินเปล่าของชาวบ้าน แรงระเบิดทำให้กำแพงพัง มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ในถังดับเพลิง จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร กระจายเกลื่อน ห่างจุดเกิดเหตุไม่ไกลนัก พบรถจักรยานยนต์ของทหารล้มตะแคงอยู่ 2 คัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ เพื่อนทหารได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลรือเสาะแล้ว ทราบชื่อคือ ร.ต.อุดร ชนะเสน ผู้บังคับหมวด ร้อย ร. 15132 ส.ท.นิอาเรฟ นิหลง และ พลทหารอาดาลี บิลังโหลด ทั้งนี้หลังแพทย์ทำการปฐมพยาบาลเรียบร้อย ได้ส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.อุดร หัวหน้าชุด ได้นำกำลังรวม 8 นายขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 4 คันเพื่อเดินทางไปรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่เดินทางไปตรวจสอบเหตุรถกระบะชนรถจักรยานยนต์ใน อ.รือเสาะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อเสร็จภารกิจ ร.ต.อุดร จึงนำกำลังกลับที่ตั้ง และลาดตระเวนเพื่อดูแลความเรียบร้อยเส้นทาง แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายที่คาดว่าแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้บริเวณริมกำแพงข้างถนน จนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้ ร.ต.อุดร พร้อมลูกน้องได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงรายวันอื้อ-คนงาน รง.ไม้ยางสังเวย
วันอังคารที่ 9 ธ.ค. เวลา 08.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิง นายไซดี ยูโซ๊ะ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 บ้านมาหยอ หมู่ 2 ต.มายอ อ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายไซดีกำลังขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กพก 66 ปัตตานี ออกจากบ้านในหมู่บ้านมาหยอ ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาคนที่ 2 เพื่อกลับบ้านของภรรยาคนแรก โดยจุดเกิดอยู่บนทางหลวงหมายเลข 4092 ทุ่งยางแดง-มายอ หน้ามัสยิดนูรอัลญันนะห์ (มาหยอ) หมู่ 2 ต.มายอ ทั้งนี้ นายไซดี ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วันจันทร์ที่ 8 ธ.ค. เวลา 01.00 น. ร.ต.ท.บัณฑิต ซาดา พนักงานสอบสวน สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งจากโรงพยาบาลบันนังสตาว่า มีผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงและเข้ารักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล และได้เสียชีวิตลง หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นายนิฮัมดี วอนิ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 11 ต.บันนังสตา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะและหน้าอก
จากการตรวจสอบประวัติทราบว่า นายนิฮัมดี เป็นคนงานโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา บริษัทเอสพีวี จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 11 ต.บันนังสตา ก่อนเกิดเหตุนายนิฮัมดีไปนั่งดูโทรทัศน์ที่ร้านขายของชำภายในโรงงาน กระทั่งดึกจึงเดินกลับบ้านพักบริเวณหลังโรงงาน ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ แต่เพื่อนๆ ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังติดต่อกัน 2-3 นัด เมื่อวิ่งไปดูก็พบว่านายนิฮัมดีถูกยิงนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา กระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ถล่มป้อม ชรบ.ที่บันนังกูแว
วันอาทิตย์ที่ 7 ธ.ค.เวลา 07.00 น. ร.ต.ท.ซุลกิฟลี ระเซาะ พนักงานสอบสวน สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มป้อมยามชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เหตุเกิดที่บ้านบันนังกูแว หมู่ 4 ต.บันนังสตา
หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.ซุลกิฟลี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาติชาย ชนะสิทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา และ นายอุรุพงศ์ ชนะกุล ปลัดหัวหน้างานความมั่นคง ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รุดไปตรวจสอบ พบที่เกิดเหตุอยู่บริเวณป้อมรักษาการหน้าบ้าน นายหะยีฮูเซน มะแตหะ ผู้ใหญ่บ้าน ตัวอาคารผนังป้อมมีรอยกระสุนปืนได้รับความเสียหาย พบปลอกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 ตกกระจายเกลื่อน เก็บรวบรวมได้นับสิบปลอก
สอบปากคำ นายหะยีฮูเซน ทราบว่า เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่ นายยามามะ เฮงดาดา อายุ 41 ปี กับ นายอาแซ นิเซ็ง อายุ 40 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) กำลังเข้าเวรรักษาความปลอดภัย ปรากฏว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิรุ่นไทรทัน 4 ประตู สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ขับไปจอดริมถนนฝั่งตรงข้ามป้อม จากนั้นคนร้ายที่อยู่บนกระบะท้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มเข้าไปในป้อม เป็นเหตุให้ นายยามามะ และนายอาแซ ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงพ่อค้าอาหารสัตว์บาดเจ็บ
วันอาทิตย์ที่ 7 ธ.ค.เช่นกัน เวลา 13.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายพิจิตร สัตยากุล อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 บ้านทำเนียบ หมู่ 4 ต.ลำพระยา อ.เมือง จ.ยะลา กระสุนปืนถูกบริเวณนิ้วมื้อขวา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดขณะนายพิจิตรกำลังขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่สปอร์ต สีดำ หมายเลขทะเบียน กค 9837 ยะลา มุ่งหน้ากลับบ้าน โดยใช้เส้นทางสายลำใหม่-บ้านเนียง จุดเกิดเหตุอยู่หน้าโรงโม่หินบ้านบาตัน หมู่ 4 ต.ลิดล อ.เมืองยะลา
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า นายพิจิตรเปิดร้านขายอาหารสัตว์ ชื่อร้านเกษตรฟาร์ม ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกมลายูบางกอก อ.เมืองยะลา โดยทุกวันอาทิตย์จะเดินทางเข้าพื้นที่บ้านบาตัน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ปืนยิงผัวเมียที่ยะหาโยงคดีมั่นคงอื้อ
ด้านความคืบหน้าคดีความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้นั้น ในคดีคนร้ายยิงสามีภรรยา คือ นายเลิศ ไชยสะจัด อายุ 62 ปี และ นางติ๋ม ทองสองแก้ว อายุ 55 ปี เสียชีวิตบนถนนสายบ้านเนียง-ยะหา ท้องที่บ้านบาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
จากการตรวจพิสูจน์หลักฐานของเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา พบว่าปลอกกระสุนปืนที่ตกในที่เกิดเหตุมาจากปืนกระบอกเดียวกับที่คนร้ายใช้ยิงพ่อค้ารับซื้อน้ำยางเสียชีวิต 3 ศพ เมื่อวันที่ 22 กพ 57 ในพื้นที่ อ.กาบัง จ.ยะลา รวมทั้งคดียิงแล้วเผา ด.ต.เอกพงษ์ ศักดายุทธ อายุ 65 ปี อดีตตำรวจสันติบาล เหตุเกิดบริเวณปั๊มน้ำมันในเขตเทศบาลตำบลยะหา เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ด้วย
ผบ.ทบ.ยัน"น้ำมันเถื่อน"โยงป่วนใต้
วันจันทร์ที่ 8 ธ.ค. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะนายทหารระดับสูงของ ทบ. เดินทางลงพื้นที่ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ได้ให้กองทัพภาคที่ 4 สรุปการดำเนินงานด้านชายแดนและการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4 สน.) ที่ดูแลปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะต้องไปเน้นย้ำ อีกทั้งในวันนี้ยังเป็นวันครบรอบวัน "วีรไทย" คือ บรรพชนไทยที่ได้สร้างวีรกรรมช่วยกันดูแลพิทักษ์แผ่นดินไทยจากการรุกเข้ามาของกองกำลังต่างชาติในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ทหารและยุวชนทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงมีการจัดพิธีเทิดเกียรติและรำลึกถึงวีรกรรมของบรรพชนไทย
ต่อข้อถามถึงการดูแลปัญหาภัยแทรกซ้อน เช่น ยาเสพติด และน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ปัญหาภาคใต้มีภัยแทรกซ้อนหลายอย่างที่ต้องพยายามควบคุมให้ได้ บางสิ่งมีข้อมูลเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุในพื้นที่ ดังนั้นต้องเน้นย้ำให้ควบคุมให้ได้ และที่ผ่านมาได้มีการจับกุมได้จนเป็นผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนและจับกุมได้ต่อว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดบ้าง
ส่วนที่มีความกังวลว่าเจ้าหน้าที่ไปรับผลประโยชน์เองนั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อมูล ส่วนตัวคงไม่ไปชี้หรือปรักปรำคนหนึ่งคนใดโดยไม่มีข้อมูล ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวน
รอชื่อ"ผู้เห็นต่าง"ขึ้นโต๊ะพูดคุยรอบใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ต้องเดินทางไปหารือเรื่องการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้กับทางการมาเลเซียเป็นครั้งที่ 2 ใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องไปตกลงกัน เพราะมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก และที่ผ่านมาได้หยุดการพูดคุยไปพักหนึ่ง เมื่อกลับมาและจะดำเนินการต่อตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการในส่วนของการปฏิบัติ คณะกรรมการพูดคุยฯจึงต้องไปหารือกับมาเลเซียว่าการเริ่มกระบวนการอย่างไร มีกรอบการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งจะต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย เพื่อเป็นข้อมูลให้มาเลเซียไปจัดการพูดคุยให้เป็นไปโดยเรียบร้อยด้วย
ต่อข้อถามว่าทางการมาเลเซียจะแจ้งให้ทราบถึงรายชื่อกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่จะมาร่วมพูดคุยรอบใหม่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี อยู่ระหว่างการพิสูจน์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจุดเกิดเหตุระเบิดดักทำร้ายทหารในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เอื้อเฟื้อโดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจทีเกิดเหตุ