ชีวิตหลังรอดตายราวปาฏิหาริย์ของ "โชเฟอร์กระดูกเหล็ก" สตอปา เจ๊ะเลาะ
"ถึงจะเหนื่อยเท่าไหร่ ฉันก็มีความสุขที่ได้ดูแลพ่อ"
คือเสียงเล็กๆ เศร้าๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจของ ซารีนา เจ๊ะเลาะ วัย 30 ปี ลูกสาวคนโตของ สตอปา เจ๊ะเลาะ อดีตคนขับรถประจำตัวของ นายอิศรา ทองธวัช อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
สตอปา ต้องนอนรักษาตัวให้ลูกๆ ดูแล เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของรองผู้ว่าฯอิศรา ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.56 ขณะขับรถพาเจ้านายและ นายเชาวลิตร ไชยฤกษ์ ป้องกันจังหวัดยะลา ไปเปิดงานเทศกาลไก่เบตง ณ อำเภอใต้สุดแดนสยาม
ทั้งรองผู้ว่าฯอิศรา และป้องกันจังหวัดยะลา ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้า ขณะที่ สตอปา รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ จนมีผู้ขนานนามว่า "โชเฟอร์กระดูกเหล็ก" ทว่าเขาก็อาการเข้าขั้นตรีทูต มีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองและกะโหลกศีรษะแตก เลือดไหลในตับและไต กระดูกไหปลาร้าขวาหัก
เขานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลานานนับเดือน อาการจึงเริ่มดีขึ้น กระทั่งแพทย์อนุญาตให้ครอบครัวพากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
และนั่นได้กลายเป็นปัญหาใหม่ของครอบครัวเจ๊ะเลาะ เพราะ สตอปา เป็นเสาหลักของครอบครัวที่มีภรรยาและลูกๆ รวม 8 ชีวิต แม้เขาจะออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ แต่ร่างกายก็ไม่ได้หายเป็นปกติ เพราะแทบไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือขยับตัวได้เองเลย แมะเสาะ เจ๊ะเลาะ ผู้เป็นภรรยาก็ไม่ได้ทำงาน ภาระการดูแลทั้งหมดจึงตกเป็นของเธอและลูกๆ ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ และจัดการกิจวัตรประจำวันอื่นๆ
โดยเฉพาะ ซารีนา และ มุสรอ เจ๊ะเลาะ ลูกสาว 2 คนที่ทุ่มเททั้งกายใจดูแลความเป็นอยู่ของพ่อมาตลอดเกือบ 2 ปี
"เช้าตื่นขึ้นมาก็ต้องอาบน้ำให้พ่อ ป้อนข้าว ป้อนยา จากนั้นก็จะพานั่งรถเข็นออกไปหน้าบ้าน และช่วยทำกายภาพบำบัด เสร็จแล้วจึงพากลับมาพักผ่อน เป็นอย่างนี้ทุกวัน แม้จะรู้สึกเหนื่อย แต่ก็มีความสุขที่ได้ดูแลพ่อ ฉันเองนอกจากพ่อแล้ว ยังต้องดูแลลูกที่ป่วยตั้งแต่เกิดด้วย" ซารีนา บอก
ปัจจุบัน สตอปา พักอยู่บ้านเลขที่ 182/4 บ้านพงปูโล๊ะ หมู่ 6 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ระหว่างที่เขายังรับราชการเป็นลูกจ้างประจำของสำนักงานจังหวัดยะลา ทำหน้าที่พนักงานขับรถนั้น สตอปาจัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานดีมากคนหนึ่ง เขาขับรถให้กับทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รองผู้ว่าฯ และปลัดจังหวัดมานานกว่า 20 ปี เคยได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการดีเด่นของจังหวัดในปี 2554 ด้วย ก่อนต้องประสบเหตุร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอดในอีก 2 ปีต่อมา
ซารีนา เล่าต่อว่า ตั้งแต่พ่อบาดเจ็บจนทำงานไม่ได้ ฐานะทางครอบครัวก็ยิ่งลำบาก เงินที่ได้มาทั้งเงินเยียวยาและเงินช่วยเหลือต่างๆ ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งมีทั้งค่าใช้จ่ายของพ่อ และคนอื่นๆ รวมทั้งลูกของเธอที่ป่วย
"ฉันเองไม่ได้ทำงานอะไร มีเพียงสามีที่ทำงานเพียงคนเดียว หากฉันมีงานทำ ถึงแม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถแบ่งเบาภาระในครอบครัวได้บ้าง แต่งานก็หายากเหลือเกิน และยังต้องดูแลพ่อกับลูกเกือบตลอดเวลาด้วย"
ซารีนา บอกอีกว่า ภาวนาอยู่ตลอดว่าอยากให้พ่อหายดีแล้วกลับมาเป็นปกติ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้น เธอและครอบครัวช่วยกันดูแลพ่อจนอาการดีขึ้นมาก แต่ก็อยากให้พ่อหายเป็นปกติ แล้วกลับมาอยู่กันอย่างมีความสุขเหมือนเดิม
"ฉันรักพ่อมาก พ่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อก่อนตอนที่พ่อทำงานได้ปกติ หลังเลิกงานหรือยามว่างพ่อจะกลับมาทำกับข้าวให้ลูกๆ กินเสมอ ฉันเคยถามพ่อว่าเหนื่อยไหมที่ต้องดูแลลูกๆ และครอบครัวแบบนี้ พ่อก็จะตอบว่าถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ทำแล้วสบายใจ โดยเฉพาะที่ได้ทำกับข้าวให้ลูกๆ กับเมียได้กิน"
เธอบอกทิ้งท้ายว่า วันนี้ได้เป็นฝ่ายกลับมาดูแลพ่อบ้าง ก็ทำอย่างมีความสุข ถึงจะเหนื่อยก็ไม่ท้อ และเฝ้ารอวันที่พ่อกลับมาหายป่วยดังเดิม
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : ผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือครอบครัวเจ๊ะเลาะ สามารถบริจาคเงินผ่านธนาคารกรุงไทย สาขายะลา ชื่อบัญชี นายสตอปา เจ๊ะเลาะ เลขบัญชี 909-1-95235-0 หรือติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 084-749-0667