ประมวลฉากหน้า-เบื้องหลัง 4 เดือนคณะทำงานร่วมฯคดีข้าว“ยิ่งลักษณ์”
“…ความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้คือ ต้องรอผลการพิจารณาของ อสส. ต่อรายงานการประชุมนัดที่ 3 หากมีมติว่าฟ้องคดีได้แล้ว ก็ฟ้องได้เลย แต่หากยังเห็นว่าขาดบางประเด็นที่ต้องซักถามเพิ่ม ก็จะนัดประชุมใหม่นัดหน้า ซึ่งทั้งฝ่าย อสส.-ป.ป.ช. ต่างยืนยันว่า นัดหน้าจะเป็นนัดสุดท้ายที่ต้องได้ข้อยุติในคดีนี้…”
เข้าสู่เดือนที่ 4 แล้ว สำหรับการทำงานของคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการสูงสุด (อสส.) และฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ท่ามกลางข้อสงสัยของใครหลายคนว่า ความคืบหน้าในคดีนี้ไปถึงไหน ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมข้อมูลในกรณีนี้ไว้ ดังนี้
ภายหลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว และส่งเรื่องให้กับ อสส. นั้น
วันที่ 4 กันยายน 2557 อสส. ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ 3 ประเด็นหลักในสำนวนคดีนี้ คือ 1.โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการของรัฐบาลที่แถลงไว้เป็นนโยบายต่อรัฐสภา จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดว่านายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการที่จะยับยั้งนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่
2.เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ควรทำการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ดำเนินการตรวจสอบและป้องกันการทุจริตหรือไม่ อย่างไร และผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร
3.โครงการรับจำนำข้าวที่ยืนยันว่ามีการทุจริตนั้น พบการทุจริตในขั้นตอนใดและมีการทุจริตอย่างไร นอกจากนั้นมีการกล่าวอ้างถึงรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริตและมีความเสียหายจำนวนมาก แต่ในสำนวนการไต่สวนปรากฏว่า มีเพียงหน้าปกรายงานวิจัย จึงให้รวบรวมรายงานวิจัยทั้งฉบับเป็นพยานหลักฐานในการไต่สวนให้สมบูรณ์ด้วย
(อ่านประกอบ : อสส.ชี้สำนวนสอบคดีข้าว"ปู" ไม่สมบูรณ์-ต้องตั้งคณะทำงานร่วมป.ป.ช. )
ไม่นานเกินรอ วันถัดมา ป.ป.ช. ก็สวนกลับข้อสังเกตของ อสส. ทันควัน โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนฯคดีดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็น “ทุจริต” ที่ว่า หาก อสส. มาเห็นหลักฐานจะอ่านไม่ทันจนเป็นลม
ก่อนจะหลุดวาทะเด็ด “อสส. ง่อนแง่น” ออกมาให้พาดหัวข่าวกันครึกโครม !
(อ่านประกอบ : “วิชา”ชี้ อสส.ง่อนแง่น! ยันหลักฐานจริง-ส่งเพิ่มกลัวอ่านไม่ทันจนเป็นลม)
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะทำงานร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีนี้ จำนวน 10 คน มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหัวหน้าคณะ ขณะที่ฝ่าย อสส. ส่งนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส. เป็นหัวหน้าคณะ
ซึ่งนายวุฒิพงศ์ ถูกสังคมตั้งข้อสงสัยถึงความเป็นกลางในการพิจารณาสำนวนคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (หลักสูตร วตท.) รุ่นที่ 12 กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงก่อนก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับคัดเลือกเป็นประธานรุ่น นอกจากนี้ยังรับตำแหน่งมากมายในบอร์ดรัฐวิสาหกิจสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
(อ่านประกอบ : พลิกปูมคอนเนกชั่น"วุฒิพงศ์-รองอสส."หน.คณะทำงานคดีข้าว"ยิ่งลักษณ์")
หลังจากนั้นในช่วงปลายเดือนกันยายน 2557 มีการนัดประชุมคณะทำงานร่วมฯนัดแรก แต่ปรากฏว่า อสส. ส่งหนังสือขอให้เลื่อนการประชุมไปเป็นวันที่ 10 ตุลาคม 2557 เนื่องจากมีหลายคนในคณะทำงานฯติดภารกิจ
อย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงดังกล่าว มีการประชุมของคณะทำงานร่วมฯนัดแรกตามนัดหมายเดิม โดยเป็นการสรุปสาระสำคัญคร่าว ๆ ในกรณีนี้ ซึ่งกรรมการหลายคนในคณะทำงานฝ่าย อสส. ไม่ได้เข้าร่วม
เท่ากับว่าวันที่ 10 ตุลาคม 2557 จะเป็นการประชุมคณะทำงานร่วมฯนัดที่ 2 โดยฝ่าย อสส.-ป.ป.ช. ส่งคนมาครบทีม ใช้เวลาพิจารณากว่า 2 ชั่วโมง ปรากฏว่า ยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจาก อสส. เห็นว่าจำเป็นต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติม ขณะที่ฝ่าย ป.ป.ช. ยืนยันว่าพยานหลักฐานในสำนวนคดีนี้สมบูรณ์ครบถ้วนหมดแล้ว
หลังจากนั้นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 มีการประชุมคณะทำงานร่วมฯนัดที่ 3 ใช้เวลาพิจารณากว่า 3 ชั่วโมง ก็เป็นไปตามคาด กล่าวคือ ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจาก อสส. ยังเห็นว่ายังมีประเด็นที่ต้องการความกระจ่างชัด ขณะที่ ป.ป.ช. ก็ยินยอมพร้อมจะสอบพยานเพิ่มเติมให้
ซึ่งในการประชุมนัดที่ 3 นี้ ทั้งฝ่าย อสส.-ป.ป.ช. ต่างงัดข้อกฎหมายขึ้นมาถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิง โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า นายกฯ มีสิทธิ์ยับยั้งนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้หรือไม่ ซึ่งท้ายสุดก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ก่อนเรื่องนี้จะเงียบหายไป ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 มีกระแสข่าวว่า อสส. เตรียมเปลี่ยน “ทีมงาน” ในคณะทำงานฯคดีนี้ แต่ยังคงนายวุฒิพงศ์ไว้เป็นหัวหน้าคณะเช่นเดิม
ขณะเดียวกัน ได้ส่งหนังสือไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงแค่ “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ไม่ใช่การ “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ซึ่งหากทำได้ อสส. จะฟ้องคดีให้เอง !
ต่อมานายสรรเสริญ ให้สัมภาษณ์ว่า คณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. จะไม่สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมตามที่คณะทำงานฝ่าย อสส. ร้องขอมาแล้ว และจะสอบให้แค่พยานเอกสารเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ส่งหนังสือมาให้ ป.ป.ช. ยืนยันว่าเป็นเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะขอพูดทีเดียวหากมีการประชุมคณะทำงานร่วมฯนัดต่อไป
ส่วนนายวุฒิพงศ์ ยืนยันหนักแน่นว่า ป.ป.ช. จำเป็นต้องสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ยังไม่กระจ่างชัด ส่วนที่ส่งหนังสือไปหา ป.ป.ช. นั้น เพราะประเด็นนี้สำคัญ ป.ป.ช. บอกว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอน ขณะที่ในสำนวนเขียนไว้ในส่วนของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นต้องตรวจสอบมาให้ได้ว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีการเปลี่ยนตัวทีมงานในคณะทำงานฯนั้น นายวุฒิพงศ์ ระบุว่า ไม่มีการเปลี่ยนตัวใครแน่นอน และตนก็ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานฯอยู่เหมือนเดิม
โดยความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้คือ ต้องรอผลการพิจารณาของ อสส. ต่อรายงานการประชุมนัดที่ 3 หากมีมติว่าฟ้องคดีได้แล้ว ก็ฟ้องได้เลย แต่หากยังเห็นว่าขาดบางประเด็นที่ต้องซักถามเพิ่ม ก็จะนัดประชุมใหม่นัดหน้า ซึ่งทั้งฝ่าย อสส.-ป.ป.ช. ต่างยืนยันว่า นัดหน้าจะเป็นนัดสุดท้ายที่ต้องได้ข้อยุติในคดีนี้
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลฉากหน้า-เบื้องหลังบางห้วงบางตอนในการทำงานคณะทำงานร่วมฯคดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการนัดประชุมกันก่อนปีใหม่ 2558
ส่วนผลงานผ่านมาก้าวเข้าสู่เดือนที่ 4 มีอะไรเป็นรูปธรรมหรือไม่ ต้องให้สาธารณชนเป็นผู้ตัดสิน !
อ่านประกอบ :
ถกคณะทำงานร่วมฯคดีข้าวนัด 2 ไร้ข้อยุติ-อึกอัก“ปู”มีสิทธิ์ระงับโครงการ
ถกคดีข้าว“ปู”นัด3ไม่จบ! ป.ป.ช.-อสส. งัดกม.สู้แหลก-ไฟเขียวสอบพยานเพิ่ม
อสส.ขอฟ้องข้อหาละเว้นคดีข้าว“ปู”ตัดทิ้งทุจริต-ลั่นคืบหน้ามากนัดหน้ายุติ
คณะทำงานร่วมฯไม่สอบบุคคลเพิ่มคดีข้าว“ปู” จ่อถกปมตัดทิ้งทุจริตนัดหน้า
อสส.จี้ป.ป.ช.ยันให้ชัดคดีข้าว“ปู”ไร้ทุจริต-ขีดเส้นถกนัดหน้าก่อนปีใหม่