สำรวจตลาดน้ำมันเถื่อนใต้ยังจ่ายส่วยปกติ! ปูด จนท.แค่ทำให้มิดชิดขึ้น
หลังจากมีการแฉบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้ จนตำรวจหลายนายถูกดำเนินคดี หลายรายโดนเด้ง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอโดนย้าย...
แทบไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลงพื้นที่ไปสำรวจตลาดซื้อขายและขนส่งน้ำมันหลบเลี่ยงภาษีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับพบว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลักลอบขนน้ำมันหนีภาษีทำกันหลายกลุ่มหลายสาย กลุ่มที่เกี่ยวโยงกับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นั้น แม้จะเป็นเครือข่ายใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ทว่ายังมีรายย่อยที่ทำกันเอง ส่งกันเองเฉพาะสายของตนก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อย กลุ่มนี้มักใช้รถยนต์เป็นพาหนะ มีทั้งรถยนต์เก๋งและรถกระบะ
ที่สำคัญเรื่องการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อขออำนวยความสะดวกหรือเป็น "ค่าผ่านทาง" ก็มีเหมือนเครือข่ายใหญ่
เจ๊ น. นักธุรกิจน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ ซึ่งเป็นเอเย่นต์เข้าไปรับน้ำมันจากมาเลเซียขนข้ามกลับมายังฝั่งไทย แล้วส่งต่อให้ปั๊มและร้านจำหน่ายน้ำมันรายย่อยในพื้นที่ เล่าให้ฟังว่า ได้เห็นข่าวที่มีการจับกุมดำเนินคดีกับนายตำรวจใหญ่ที่รับเงินส่วยน้ำมันเถื่อนจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าเงินที่ส่งให้เจ้าหน้าที่แต่ละชุดต้องส่งต่อไปถึงไหน รู้แค่ว่าต้องส่งให้ "นาย" ตามคำบอกของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ส่วน "นาย" จะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ผู้ค้ามักไม่รู้และไม่เกี่ยวข้อง
"เราก็รู้แค่นั้น ขอแค่งานเราสะดวก ไม่ติดขัดกับสิ่งกีดขวางกลางทาง (ด่านตรวจด่านสกัดต่างๆ) ก็พอแล้ว"
"เจ้าหน้าที่ที่มารับเงิน ก็มีหลายหน่วย แทบทุกชุดนะที่มา ใครมาเราก็ให้หมด การจ่ายให้แต่ละหน่วยก็มีทั้งรายเดือน รายสัปดาห์ บางหน่วยจ่ายเป็นเดือน เป็นสัปดาห์ไปแล้วยังไม่พอ ก็มาขอรายวัน เราก็ให้ เพราะไม่อยากมีปัญหาเราต้องพึ่งเขา"
เมื่อถามว่าหลังมีข่าวการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มตำรวจที่อ้างว่ารับส่วยน้ำมันเถื่อน การค้าน้ำมันหลบเลี่ยงภาษีในพื้นที่หยุดชะงักหรือไม่ เจ๊ น.ตอบว่า ไม่หยุด เพียงแต่ลดจำนวนลงบ้างเท่านั้น
"หลังจากที่มีข่าวครึกโครม การขนน้ำมันก็ต้องลดจำนวนลง ถือว่าเป็นปกติทุกครั้งที่มีข่าว ช่วงไหนมีการตรวจสอบเยอะ เจ้าหน้าที่ก็จะมาบอกให้พี่ชะลอไปก่อน หรือลดจำนวนการส่ง และการจ่ายส่วยพี่ก็จะจ่ายเท่าที่เอาของออก ถ้าของออกได้เยอะพี่ก็ต้องจ่ายเยอะ ออกได้น้อยพี่ก็จ่ายไม่มาก วันไหนสะดวกก็ถือว่าขนได้ปกติ แต่ตอนนี้ได้วันหนึ่งไม่กี่เทียว ก็ลำบากขึ้นนะ ไม่รู้นานแค่ไหนที่จะสามารถทำได้ปกติ"
เจ๊ น.เล่าต่อว่า เครือข่ายขนส่งน้ำมันเถื่อนของเธอ ใช้เส้นทางขนทางบก ไม่ได้ขนทางเรือ
"พี่ใช้รถปิคอัพดัดแปลงทำเป็นถังน้ำมันจุได้คันละ 1,000 ลิตร รับมาก็ส่งไปให้ลูกค้าในพื้นที่ พี่ทำมานานจนลืมแล้วว่านานแค่ไหน สมัยพ่อแม่ของพี่ก็ทำอยู่แล้ว จนตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว ท่านก็ทิ้งธุรกิจนี้ให้พี่ทำต่อ"
ส่วนที่ระยะหลังมีการกล่าวหาว่าเม็ดเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อนถูกส่งให้กลุ่มก่อความไม่สงบนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่ด้วยนั้น เจ๊ น. บอกว่า เคยได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะเธอไม่ได้ยุ่งกับกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง
"อันนี้พี่ก็ไม่รู้นะ เพราะพี่ก็เหมือนนักธุรกิจทั่วไป ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่เคยคิดไปยุ่งหรือสนับสนุนกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง พี่ไม่ชอบ พี่ไม่เห็นด้วย พี่ก็ได้ยินข่าว แต่ก็ไม่ได้ถามใคร ได้แต่คุยกับลูกน้องและบอกลูกน้องว่าห้ามเด็ดขาด ใครไปยุ่งเกี่ยวจะไล่ออกทันที เพราะพี่ทนเห็นความเจ็บปวดของพี่น้องสามจังหวัดไม่ได้ สมมติเงินเราไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง พี่ก็รับไม่ได้ พี่ไม่ยอม"
ด้านผู้ค้ารายย่อยที่ขายน้ำมันขวดริมถนน ซึ่งเป็นเครือข่ายรับน้ำมันจากเอเย่นต์อย่าง เจ๊ น. บอกว่า ช่วงนี้น้ำมันขาดตลาดบ้าง น่าจะเป็นผลมาจากการเปิดโปงส่วยน้ำมันเถื่อนที่กรุงเทพฯ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้มงวด ขนน้ำมันออกมาไม่ได้สะดวก เวลาเก็บก็ต้องเก็บให้ดีกว่าเดิม เมื่อน้ำมันไม่ค่อยมี ราคาน้ำมันก็จะสูงขึ้นตามกลไกตลาด
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มาเก็บส่วยนั้น ยังคงเก็บตามปกติ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการให้มิดชิดขึ้นกว่าเดิม
"จากปกติเขาจะเดินถือสมุดเป็นเล่มๆ แล้วกางต่อหน้าเลย ช่วงนี้ก็จะทำอย่างมิดชิดขึ้น มองซ้ายมองขวามากกว่าเดิม ก็ดูเหมือนเขาระวังตัวนะ แต่ก็ยังเก็บปกติ พี่เองก็ต้องจ่าย เพราะเราต้องทำมาหากิน ยอมจ่ายดีกว่าไม่มีงานทำ ถ้าไม่ขายน้ำมันพี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร เดี๋ยวนี้งานหายาก ปัญหาก็เยอะ พอคนว่างงานเยอะ ทั้งโจร ขโมย ยาเสพติดก็มาก"
"พี่ทำน้ำมันหนีภาษี ได้กำไรวันหนึ่ง 3-4 ร้อยบาท ก็พอให้ลูกกินข้าว ไม่ได้จะเอาร่ำรวย พูดถึงเรื่องภาษี ประชาชนทุกคนก็ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว โดยเฉพาะภาษีจากการซื้อของกินของใช้ประจำวัน (หมายถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ แวต) ค่าไฟ ค่าของที่พี่ใช้ พี่ก็จ่ายปกติ พี่ยังไม่เคยได้คืน ถนนบ้านพี่ก็เป็นลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อ พี่ยังไม่เห็นว่าพี่ได้อะไรคืนจากการเสียภาษีเลย คนอื่นยังโกงยิ่งกว่าเราเยอะแยะ สร้างปัญหาให้กับพื้นที่มากกว่านี้ พี่ทำน้ำมันหนีภาษีเพื่อเลี้ยงครอบครัว ขอให้พี่ทำต่อไปเถิด"
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยหนึ่งซึ่งมีภารกิจปราบปรามการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักขึ้น จะทำแบบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ได้แล้ว
"แต่บางครั้งก็ต้องทำพอเป็นพิธี รายเล็กๆ เราก็เข้าใจเขานะว่าทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่วนรายใหญ่ๆ เราปล่อยไม่ได้ ต้องทำให้เด็ดขาด ต้องเอาจริง แต่ก็อย่างว่าถึงเราจับ เพื่อนเราบางคนก็ต้องกินต้องใช้ ต้องส่งต่อ เขาก็ยังรับส่วย เขาก็ปล่อยให้ค้า บอกตรงๆ ว่าทำงานยาก ลำบาก อยู่พื้นที่นี้มีปัญหาหลายด้าน เราจะใช้กฎหมายเป็นที่ตั้งอย่างเดียวก็ไม่ได้ บางครั้งต้องเอาเรื่องมนุษยธรรมมาพิจารณาประกอบด้วย ก็เลยทำงานยาก บางคนเข้าใจบางคนไม่เข้าใจ" เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าว
หลายคนบอกว่าน้ำมันเถื่อน สินค้าหนีภาษี เป็นกิจกรรมทางการค้าที่เกือบจะเป็นปกติของเมืองชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงฝั่งมาเลเซีย มีราคาต่ำกว่าฝั่งไทยถึงกว่าเท่าตัว จึงเป็นแรงจูงใจให้เกิดธุรกิจผิดกฎหมายนี้ขึ้น และฝังรากมานาน ตั้งแต่ธุรกิจครอบครัวเหมือนของ เจ๊ น. หรือสยายปีกเป็นเครือข่ายข้ามชาติอย่าง เสี่ย จ.คนดัง
การแก้ไขปัญหาจึงไม่ใช่แค่ดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มด้วย หรือโทษเพียงเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยรับส่วยแล้วจบกันไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : ภาพเครือข่ายส่งน้ำมันเถื่อนรายย่อย จากแฟ้มภาพอิศรา