ดูจะๆ บัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนหลักร้อยถึงล้าน แฉมีจ่ายค่าเหล้า-โรงแรม-เที่ยวรัชดาฯ
เปิดบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนใต้เครือข่าย "เสี่ยโจ้" เผยจ่ายตั้งแต่ 100 บาทถึง 12 ล้าน "ตำรวจน้ำ"เยอะสุด ระดับผู้การสีกากี 12 ล้าน ดีเอสไอล้านหก พบรายการยิบย่อยทั้งพาเที่ยวรัชดาฯ-ค่าโรงแรม-ค่าเหล้า ยันค่าซ่อมเรือ จัดกิจกรรมวันเด็ก แถมมีค่าดูข่าวในศาล ให้ตำรวจยืม
หลังจากมีการโยกย้ายและแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉกรรจ์กับนายตำรวจระดับสูงในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นำโดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ปรากฏว่าหนึ่งในข้อกล่าวหาสำคัญ คือ การรับผลประโยชน์จากเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อน โดยอ้างคำรับสารภาพของ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ซึ่งถูกย้ายจากตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.)
ต่อมามีการให้ข้อมูลเชื่อมโยงว่าเป็นการรับผลประโยชน์จากกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนของ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้" นักธุรกิจผู้กว้างขวางในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งปัจจุบันหลบหนีคำพิพากษาจำคุกในคดีปลอมเอกสารดวงตราประทับนำเข้า-ส่งออก ของศาลจังหวัดปัตตานี โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า นายสหชัย ถูกออกหมายจับในคดีลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิงหนีภาษี หรือน้ำมันเถื่อนด้วย
กระทั่งเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เปิดแถลงข่าวพร้อมนำบัญชีจ่ายส่วยขบวนการน้ำมันเถื่อนของนายสหชัยมาแสดงต่อสื่อมวลชน ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบช.ก.ได้สั่งย้ายนายตำรวจจาก บก.รน.ระดับ "พันตำรวจเอก" จำนวน 3 นาย ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) เพื่อเปิดโอกาสให้การตรวจสอบกรณีส่วยน้ำมันเถื่อนเป็นไปอย่างโปร่งใส
อีกด้านหนึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีส่วยน้ำมันเถื่อน ซึ่งมีข่าวโยงถึงข้าราชการดีเอสไอด้วยนั้น ก็ได้เปิดข้อมูลเพิ่มเติมว่าได้รับข้อมูลอีกชุดหนึ่งเป็นรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเงินน้ำมันเถื่อนและเชื่อมโยงกับนายสหชัย ซึ่งดีเอสไอได้มาจากการติดต่อทางโทรศัพท์ของนายสหชัย
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเอกสารที่ระบุว่าเป็นบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ ทั้งๆ ที่ข้อมูลดังกล่าวส่วนใหญ่ได้มาจากการตรวจค้นสำนักงานของนายสหชัย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ตั้งอยู่ ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.2555 หรือกว่า 2 ปีมาแล้ว
เปิดบัญชีส่วยหลักร้อยถึง12ล้าน
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอิศรา" และกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้รับเอกสารบางส่วนที่เป็นบัญชีการจ่ายผลประโยชน์ตามที่ ผบ.ตร.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระบุถึง พบว่ามีรายละเอียดดังนี้
เอกสารดังกล่าวมีข้อมูลแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ข้อมูลจ่ายรายการ ซึ่งหมายถึง "บัญชีจ่ายผลประโยชน์" จากเครือข่ายของนายสหชัยไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีการระบุชื่อหรือหน่วยงานของผู้รับ และจำนวนเงินที่ชัดเจน กับ 2.รายชื่อข้าราชการที่ได้จากแอพพลิเคชันไลน์ในโทรศัพท์ของนายสหชัย ซึ่งในส่วนนี้ไม่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการจ่ายผลประโยชน์หรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่บันทึกชื่อเอาไว้สำหรับการติดต่อสื่อสารเท่านั้น
สำหรับข้อมูลสำคัญอยู่ที่ส่วนแรก คือ ข้อมูลรายการ พบว่ารายการจ่ายส่วนใหญ่เป็นปี 2555 แต่ในบัญชีเท่าที่ได้รับมา เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.2554 จนถึงปลายปี 2555
รายการจ่ายทั้งหมดแบ่งตามจำนวนเงินเป็น 4 กลุ่ม ตั้งแต่หลักล้านถึงหลักร้อย
ระดับผู้การ12ล้าน-ดีเอสไอล้านหก
1.รายการเกิน 1 ล้านบาท หรือ รายการหลักล้าน สูงสุดคือ รายการบิ๊กตำรวจระดับผู้การ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.55 จำนวน 12,000,000 บาท นอกจากนั้นยังมี ค่ารายการตำรวจน้ำคนใหม่ 1,000,000 บาท วันที่ 11 ม.ค.55, ค่ารายการตำรวจน้ำ 1,000,000 บาท เมื่อ 11 พ.ค.55, ค่ารายการตำรวจน้ำ 6,000,000 บาท เมื่อ 11 มิ.ย.55, ค่ารายการตำรวจน้ำ 5,000,000 เมื่อ 6 ก.ค.55
นอกเหนือจากตำรวจน้ำ ยังมีรายการของดีเอสไอ โอนให้บุคคลที่ใช้ชื่อย่อ "ล." จำนวน 1,600,000 บาท เมื่อ 11 ต.ค.55
2.รายการหลักแสน เช่น ค่าตำรวจเรือ...(ชื่อเรือ)...377,000 บาท เมื่อวันที่ 9 ก.ค.55, ค่าตำรวจเรือ...(ชื่อเรือ)...260,000 บาท เมื่อ 24 ก.ค.55 ค่าตำรวจเรือ...(ชื่อเรือ)...103,000 บาท เมื่อ 24 ก.ค.55 เช่นกัน โดยสามรายการนี้เป็นเรือชื่อเดียวกัน แต่มีรหัสงวดการจ่ายต่างกัน
นอกจากนั้นยังมีค่าตำรวจเรือ ซึ่งเป็นชื่อเรือเดิมอีก 2 รายการ คือ 454,000 บาท เมื่อ 9 ส.ค.55 กับ 452,000 บาท เมื่อ 27 ก.ย.55 และยังมีค่าตำรวจเรือ แต่เป็นชื่อเรือลำอื่นอีก 2 ลำ รวมยอด 319,500 บาท เมื่อ 29 ส.ค.55
อีกรายการหนึ่งที่เป็นหลักแสน คือ ค่ารายการดีเอสไอ จ่ายให้บุคคลชื่อเล่น "ล." เช่นกัน จำนวน 200,000 บาท เมื่อวันที่ 12 ก.ย.55
พาตำรวจเลี้ยงรัชดา-ช่วยงานวันเด็ก
3.รายการหลักหมื่น ส่วนใหญ่อยู่ในอัตรา 50,000 บาท เขียนรวมๆ ว่า "รายการตำรวจน้ำ" บางรายการก็บอกจังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตำรวจน้ำหน่วยนั้นหรือชุดนั้นรับผิดชอบ เช่น สุราษฎร์ธานี เป็นต้น และบางรายการมีเขียนกำกับว่า "พาไปเลี้ยง" ตามสถานที่ต่างๆ ด้วย เช่น รัชดาฯ ซึ่งน่าจะหมายถึงสถานบันเทิงย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
หลายรายการที่เป็นหลักหมื่น มีการระบุรายละเอียดในลักษณะช่วยกิจกรรมของหน่วย เช่น ช่วยตำรวจน้ำ (วันเด็ก), ช่วยทำเคาน์เตอร์ตำรวจน้ำตากใบ (อำเภอหนึ่งใน จ.นราธิวาส) ขณะเดียวกันก็มีการใส่ข้อมูลที่ตีความได้ว่าเป็น "งวดการจ่าย" ซึ่งโดยมากเป็น "งวดรายเดือน" มีการระบุหน่วยผู้รับซึ่งส่วนใหญ่เป็นตำรวจน้ำฝั่งอ่าวไทยหลายจังหวัด ทั้ง จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา
ที่น่าสนใจ คือ มีค่าดูข่าวที่ศาล 20,000 บาท แต่ไม่ได้ระบุว่าศาลไหน มีค่าเมมเบอร์ (สมาชิก) สำหรับเที่ยวสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ 100,000 บาท
จ่ายกระทั่งค่าเหล้า-โรงแรม-ให้ตร.ยืม
4.รายการตั้งแต่หลักร้อย คือ 100 บาท จนถึงหลักพัน มีทั้งรายการละ 1,500 บาท 3,000 บาท 5,000 บาท และ 8,000 บาท ประกอบด้วยรายการจ่ายส่วยรายเดือนให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ อาทิเช่น ตำรวจหัวไทร ตำรวจน้ำปากพนัง ตำรวจทางหลวงพัทลุง ตำรวจกองปราบ มีการระบุชื่อบุคคล 2-3 คน ชื่อย่อ จ.จาน กับ ป.ปลา คล้ายเป็นผู้ประสานงานเก็บค่ารายการ
นอกจากนั้นยังมีรายการในลักษณะเลี้ยงดูปูเสื่อ หรืออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ เช่น ค่าเหล้าตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.นราธิวาส, ค่าซ่อมเรือตำรวจ, ค่าอำนวยความสะดวกในการติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพสามิต, ค่าโรงแรมของตำรวจ รวมไปถึงบัญชีรายการให้ตำรวจยืมเงิน
"ตร.-ทหาร-อัยการ-ศาล"โผล่ไลน์เสี่ยโจ้
สำหรับข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่เป็นรายชื่อข้าราชการที่ปรากฏในแอพพลิเคชันไลน์ของนายสหชัยนั้น มีจำนวน 56 ชื่อ ประกอบด้วยรายชื่อตำรวจ ทหาร ข้าราชการในกระบวนการยุติธรรม และนักการเมือง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของตำรวจนั้น พบว่ามีชื่อบันทึกในไลน์มากที่สุด จำนวน 33 คน ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการ (ยศพลตำรวจตรี) รองผู้บังคับการ (ยศพันตำรวจเอก) ผู้กำกับการ (ยศพันตำรวจเอก) รองผู้กำกับการ (ยศพันตำรวจโท) สารวัตร (ยศพันตำรวจตรี) ร้อยตำรวจเอก จนถึงนายดาบตำรวจ
ส่วนที่เหลืออีก 23 คน เป็นรายชื่อบุคคลในกระบวนการยุติธรรม เช่น อัยการและศาล รวมไปถึงนักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น
กระนั้นก็ตาม รายชื่อกลุ่มนี้เป็นเพียงรายชื่อที่บันทึกไว้สำหรับการติดต่อ ไม่มีการระบุถึงการจ่ายผลประโยชน์
"สีเขียว-กรมศุลฯ-สื่อ"มีเอี่ยว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง เปิดเผยว่า ยังมีเอกสารอีกหลายชุดระบุข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์จากเครือข่ายน้ำมันเถื่อนนอกเหนือจากตำรวจ เช่น เจ้าหน้าที่ทหาร โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งกฎอัยการศึก และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)
นอกจากนั้นยังมีการระบุถึงชุดปราบปรามทางทะเลของกรมศุลกากรในเขตทะเลภาคตะวันออก ตำรวจท้องที่ตามเส้นทางผ่านของเครือข่ายเคลื่อนย้ายน้ำมันเถื่อน และสื่อมวลชนบางสำนัก รวมมูลค่าส่วยรายเดือนประมาณ 25 ล้านบาท
บรรยายภาพ : เอกสารบัญชีส่วยที่ยึดได้จากสำนักงานของเสี่ยโจ้ เมื่อปี 2555
อ่านประกอบ : "รายงานลับ" ส่วยน้ำมันเถื่อนใต้ "5กลุ่ม-4สี" ร่วมรับผลประโยชน์