หนึ่งเหตุการณ์ สองความรู้สึก..วิสามัญฯ2ศพ-รถเกราะชนบ้านที่หนองจิก
เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นจนเกิดการยิงปะทะ และวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 2 รายที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กำลังจะเงียบหายไป ภายหลังผ่านมาครบ 1 สัปดาห์
คล้ายๆ กับอีกหลายเรื่องราวที่ดูประหนึ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทว่าแท้ที่จริงแล้วยังมีตะกอนตกค้างอยู่ในใจผู้คนตลอดเวลา...
เหตุการณ์ครั้งนี้มองได้หลายมุม และมีมิติใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ไม่แค่เพียงเจ้าหน้าที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับคนในหมู่บ้านหลังเกิดเหตุทันที เพราะมีเสียงวิพากษ์เรื่องกระทำการเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะการใช้รถฮัมวี่หุ้มเกราะพุ่งชนบ้านระหว่างยิงปะทะกับผู้ต้องหาเท่านั้น แต่ยังส่งกำลังไปช่วยซ่อมบ้านให้ด้วย อย่างนี้เป็นต้น
"ทีมข่าวอิศรา" ตรวจสอบทัศนะจากทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อแสวงหาทางออกที่อาจไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเช่นนี้อีก
กล่อมแล้วแต่ไม่ยอม
เหตุการณ์ปิดล้อมตรวจค้นและยิงปะทะเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี 3 ของวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.57 และหลังจากนั้นเพียง 3 วันก็มีพิธีมอบบ้านที่ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยให้กับ นางแวมือเซาะ เจะแต เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ
บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านโคกโหนด ต.คอลอตันหยง เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสว่ามีกลุ่มผู้ต้องสงสัยเข้าไปหลบซ่อนตัว อาจเพื่อวางแผนก่อเหตุร้าย จึงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบตามสูตร
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าปฏิบัติการตามขั้นตอน ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน กล่าวคือ เพื่อวางกำลังตรึงบ้านต้องสงสัยไว้แล้ว ก็ได้ประสานกับอิหม่ามเข้าเกลี้ยกล่อมให้คนในบ้านยอมมอบตัว
เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ก็มีคนออกมาจากบ้าน 5 คน โดยไม่มีใครพกอาวุธ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ และจากการซักถามทราบว่ายังมีคนที่ไม่ยอมมอบตัว และหลบซ่อนอยู่ในบ้านอีก 2 คน
เจ้าหน้าที่ได้ให้อิหม่ามและผู้นำในท้องที่เกลี้ยกล่อมอีกรอบ แต่ก็ไม่สำเร็จ มีการโยนแก๊สน้ำตาเข้าไปในบ้านเพื่อให้ทั้งคู่แสบตาจนทนอยู่ไม่ไหว แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซ้ำยังมีการปืนออกมาด้านนอกเพื่อเปิดทางหลบหนี ทว่าก็ออกไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ล้อมไว้ทุกด้าน
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้ถูกวิจารณ์ คือ การใช้รถฮัมวี่ติดปืนพุ่งชนบ้านและใช้เป็นที่กำบังในการยิงต่อสู้ของฝ่ายเจ้าหน้าที่
แจงเหตุใช้รถเกราะชนบ้าน
"สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถหุ้มเกราะชนบ้าน และใช้ปืนจากรถเกราะยิง มาจากคืนนั้นคนที่เหลืออีก 2 คนไม่ยอมมอบตัว คือแรกๆ ออกมามอบตัว 5คน จากการซักถาม 5 คนก็บอกว่าด้านในมีอีก 2 คน มีการเจรจาก็ไม่ออก เราจึงให้ 1 ใน 5 เข้าไปคุยด้านใน สักพักใหญ่ 1 ใน 5 ก็เดินออกมาบอกว่า 2 คนนั้นไม่ยอมมอบตัว เจ้าหน้าที่พยายามทำตามกติกาสากลทุกอย่างแล้ว จึงใช้แก๊สน้ำตา 20 ลูกยิงเข้าไป ก็มีการยิงออกมาทางเราในลักษณะตอบโต้ ก็มีการยิงกันไปมานานอยู่ บางครั้งเรายิงแก๊สน้ำตาเข้าไป เขาก็ขว้างแก๊สน้ำตาออกมา เจ้าหน้าที่ต้องระวังมาก" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในชุดปิดล้อม เล่าเหตุการณ์
"จากการฟังเสียงปืน น่าจะมี 2 กระบอก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ตรงไหนของบ้าน ในบ้านมีหลายห้อง กระทั่งสว่างก็เรียกผู้นำมาคุยให้มอบตัว ก็ไม่ได้ผล เสียงปืนเริ่มสะเปะสะปะ ไปโดนบ้านข้างๆ ด้วย เจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายทั้งกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน จึงกันให้ชาวบ้านที่อยู่บ้านใกล้ๆ ออกห่าง และเราก็ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่มีเจ็บตาย จึงใช้วิธีเข้าอยู่ในรถเกราะ คาดว่าเมื่อเราขับชนเพื่อกดดันด้านซ้าย เขาอาจหนีออกไปด้านขวา พอเราเอารถประชิดด้านหน้า เขาอาจหนีไปด้านหลัง ก็จะทำให้เรารู้จุดที่เขาอยู่ว่าอยู่ตรงไหน"
เจ้าหน้าที่รายนี้ยืนกรานว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนและไม่เกินกว่าเหตุ
"การยิงของเจ้าหน้าที่ เราจะแบ่งเป็นซีกๆ ยิงเป็นจุด แต่ละคนยิงเป็นนัด ไม่ได้ตั้งยิงแบบออโต้ และปกติก็ไม่มีการยิงแบบออโต้อยู่แล้ว เรายิงที่ละนัดแต่ด้วยการแบ่งการทำงานเป็นซีกๆ อาจทำให้เข้าใจว่าเรายิงรัวก็เป็นไปได้"
ชาวบ้านยิ้มซ่อมบ้านคืนให้
ส่วนสาเหตุที่ต้องซ่อมบ้านคืนให้ทันทีนั้น เจ้าหน้าที่รายเดิม บอกว่า เป็นเพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเจ้าของบ้านไม่รู้เห็นกับกลุ่มผู้ต้องหา เพราะช่วงที่กำลังสามฝ่ายเข้าตรวจค้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนำกุญแจมาเพื่อจะไขบ้านให้ อีกอย่างถึงแม้ว่าด้านหน้าบ้านจะล็อคกุญแจ แต่ด้านหลังบ้านไม่มีประตู หลานของเจ้าของบ้านที่เข้าไปอาศัยอยู่ก็เข้าออกทางด้านหลัง
เขาเชื่อว่าการที่เจ้าหน้าที่ช่วยกันซ่อมบ้านคืนให้อย่างรวดเร็ว ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านลดความตึงเครียดลงมาก
"วันที่มีการมอบบ้านที่เจ้าหน้าที่ซ่อมแซมให้เรียบร้อย เจ้าของบ้านก็ยิ้มแย้ม ชาวบ้านแถวนั้นเราก็เห็นหน้าเขายิ้มนะ ก็น่าจะดีกว่าวันที่เกิดเหตุ ตอนที่ทำพิธีมอบบ้าน ก็ได้ให้อิหม่ามสอบถามเป็นภาษายาวีว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมอีกไหม ก๊ะ (นางแวมือเซาะ เจะแต) ก็ตอบผ่านอิหม่ามว่าจะขาดเหลืออะไรอีก ทำให้เขาดีกว่าเดิม คือเราสร้างบ้านให้ ทำหลังคาให้ ทาสีให้ด้วย จากที่ไม่ได้ทา ประตูหลังบ้านที่ยังไม่ได้ใส่ เราก็ให้ ที่ก่อปูนไว้ยังไม่ได้ฉาบเราก็ฉาบให้ ก็อาจทำให้ก๊ะเขารู้สึกดี เพราะเห็นจากสีหน้าเขาก็ยิ้มแย้ม ชาวบ้านก็ยิ้มแย้มดี"
เขาบอกว่าฝ่ายทหารได้ตรวจสอบประวัติเจ้าของบ้าน พบว่าได้สามีเป็นคนมาเลเซีย มีเงินส่งมาให้สร้างบ้านทีละนิดทีละหน่อย จึงค่อยๆ สร้าง และยังสร้างไม่เสร็จ ระหว่างสร้าง หลานชายก็มาขออาศัยอยู่ กระทั่งคืนวันเกิดเหตุ
ตรวจร่างกายก่อนคุม5ผู้ต้องสงสัย
สำหรับผู้ต้องสงสัย 5 คนที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่นั้น เขาบอกว่า มี 2 คนจาก 5 คนที่อายุเพียง 17 ปีกับ 16 ปี ก็ได้ปล่อยตัวไปทันทีเลยหลังเสร็จภารกิจ ส่วนอีก 3 คนเนื่องจากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง ก็เลยให้ไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพัก ต่อมาก็ได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ก่อนส่งตัวให้กรมทหารพรานที่ 43 ไปซักถามต่อ
"ตอนนี้เราจะระวังอย่างมากในการควบคุมตัว ก่อนเข้าควบคุมเราต้องตรวจสุขภาพ หลังควบคุมก่อนกลับบ้านจะต้องตรวจร่างกายก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายอีก ถ้ามีการฟ้องร้องเราก็จะได้มาดู หรือนำเอกสารนี้มาเป็นหลักฐาน" เจ้าหน้าที่ชุดปิดล้อมจับกุม กล่าว
ชาวบ้านมองต่างมุม
ด้านเสียงจากชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ เล่าเหตุการณ์เดียวกันแต่ต่างที่ความรู้สึกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี 2 ขณะนั้นนอนอยู่ในบ้าน มีเจ้าหน้าที่สวมชุดสีดำ มีสุนัขมาด้วย เข้าปิดล้อมบ้าน จึงลุกขึ้นมาดู เมื่อได้ยินเสียงดังก็เห็นเจ้าหน้าที่เต็มไปหมด เห็นเหตุการณ์ตลอด
"เจ้าหน้าที่เรียกคนในบ้านที่เกิดเหตุให้ออกมา จากนั้นก็มีคนออกมามอบตัว 5 คน พอหลังจากเสร็จทุกอย่างก็ปล่อยทันที 2 คน ต่อมาได้มีการซักถาม 1 ใน 5 คนจนทราบว่าข้างในบ้านยังมีอีก 2 คน เจ้าหน้าที่จึงให้ 1 ใน 5 คนนั้นเข้าไปคุยข้างในบ้าน ขอให้มอบตัว แต่ 2 คนที่เสียชีวิตไม่ยอมออกมา เจ้าหน้าที่จึงยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่บ้านจำนวนมาก เพราะต้องการให้ 2 คนนั้นมอบตัว"
"ตอนนั้นเสียงดังทั่วหมด ได้ยินทั้งเสียงปืน เสียงเหมือนระเบิด ชาวบ้านที่อยู่ในบ้านต่างก็กลั้นหายใจจากพิษแก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ยิงเข้าไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ออกห่างจากจุดเกิดเหตุ และให้ผู้ใหญ่บ้านกับอิหม่ามไปเรียก 2 คนนั้นก็ไม่ออก และไม่มีเสียงอะไรเลย เงียบแล้วตอนนั้น ดูนาฬิกาประมาณตี 4 คิดในใจว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว"
แต่การคาดการณ์ของเขาผิดถนัด เพราะเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการต่อไป
"เจ้าหน้าที่ใช้รถชนบ้าน แล้วใช้ปืนจากรถยิงใส่เยอะมาก ทำให้บ้านเป็นรูพรุนทั้งหลัง ของในบ้านทั้งตู้เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายหมด ตอนนั้นเช้าแล้ว ก็เห็นเหตุการณ์ชัด"
ผวาเหมือนตั้งใจวิสามัญฯ
เขาบอกว่า สิ่งที่ชาวบ้านรู้สึกในคืนนั้น เหมือนเจ้าหน้าที่ตั้งใจจะมาวิสามัญฯ เพราะหากต้องการจับเป็น ต้องการคนแค่ 2 คน กับปืนพกสั้น 2กระบอก ทำไมต้องทำขนาดนั้น ก็ถือว่าเกินไปจริงๆ
"ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจกลัว หากมองอีกนัยหนึ่งเหมือนจะเชือดไก่ให้ลิงดูหรือเปล่า แบบว่าใครร่วมขบวนการจะต้องโดนแบบนี้"
ซ่อมบ้าน...จุดเปลี่ยนความรู้สึก
ชาวบ้านคนเดิมเล่าต่อว่า หลังจากวันเกิดเหตุก็มีทหารเข้าไปซ่อมแซมบ้าน ทำให้ความรู้สึกของชาวบ้านบางส่วนดีขึ้น แต่สำหรับชาวบ้านบางส่วนก็ยังหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์คืนนั้นน่ากลัว ไม่เคยเจอจริงๆ
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่อีกราย บอกคล้ายๆ กันว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ในคืนนั้น ถ้าต้องการจับเป็นก็น่าจะทำได้ แต่เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เยอะจริงๆ และมียุทโธปกรณ์เยอะมาก
"เด็ก 2 คน (หมายถึงผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกวิสามัญฯ) กับปืน 2 กระบอก สู้กับรถหุ้มเกราะ ปืนที่ติดกับรถ อาวุธสงคราม เจ้าหน้าที่ก็เยอะกว่า อย่างไรเสียก็ไม่รอด"
อย่างไรก็ดี ชาวบ้านรายนี้ยอมรับว่า การที่ทหารรีบเข้ามาซ่อมบ้าน และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความเข้าใจ ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
"วันที่มีการมอบบ้านให้ ชาวบ้านก็รู้สึกดี ก็ถือว่ายังดีนะที่ซ่อมบ้านให้ ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในพื้นที่ว่าทหารซ่อมบ้านให้ชาวบ้านหลังจากเกิดเหตุยิงปะทะแบบนี้"
แน่นอนว่าบทสรุปของเหตุการณ์ที่หนองจิก ย่อมไม่ใช่บทสรุปของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สิ่งที่ได้พบ ได้สัมผัส และได้รู้สึกก็คือ แต่ละฝ่ายที่เหมือนเป็นคู่ขัดแย้ง เหมือนเป็นน้ำกับน้ำมันที่เข้ากันไม่ได้นั้น เริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมากขึ้น แม้ในความรู้สึกของชาวบ้านยังเรียกร้องมากกว่าสิ่งที่รัฐทำอยู่ก็ตาม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่ช่วยกันซ่อมบ้านและส่งมอบบ้านคืนให้กับ นางแวมือเซาะ เจะแต ภายหลังบ้านได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะระหว่างกำลังผสมสามฝ่ายกับผู้ต้องหาคดีความมั่นคง
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่