สนช.ผ่าน กม.อำนวยสะดวกติดต่อราชการ
ที่ประชุม สนช.เห็นชอบ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการ พร้อมบังคับทุกหน่วยงาน ต้องออกคู่มือให้ ปชช. กำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาการขออนุญาต หาก จนท.จงใจทำให้เกิดความเสียหายสามารถเอาผิดทางอาญาได้
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มี ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร เป็นประธาน กมธ. พิจารณาเสร็จแล้วในวาระ 2-3 จากนั้นก็จะได้มีการดำเนินการเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
โดยกฎหมายดังกล่าวมีสาระสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการขออนุญาต ในเรื่องต่างๆ ของหน่วยงานของรัฐ โดยหน่วยงานรัฐจะต้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนภายใน 180 วัน ภายหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ และหน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามคู่มือประชาชน โดยหากไม่ปฏิบัติตามตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ และส่งผลให้ประชาชนเกิดความเสียหาย เป็นเพราะการทุจริตหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ ประชาชนก็สามารถดำเนินการเอาผิดทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ได้
นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังช่วยให้ประชาชนรับทราบหลักเกณฑ์รายละเอียด ระยะเวลาการขออนุญาตที่ปรากฏในคู่มือประชาชน เพื่อสร้างเป็นหลักประกันในการเข้าถึงบริการของรัฐ และยังเป็นการลดภาระในการยื่นขออนุญาต ซ้ำซ้อนในหลายหน่วยงานต่างๆที่โยนเรื่องไปมา
ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการขออนุญาต จากหน่วยงานรัฐต่างๆ ซึ่งจากเดิมมีความยุ่งยาก และทำให้เกิดความเสียหายต่อภาคธุรกิจซึ่งไม่สามารถดำเนินการตามระยะเวลาได้ โดยต่อไปนี้ประชาชนจะเข้าดำเนินการขออนุญาต โดยมีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะได้รับทราบว่าจะได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการเมื่อใดและหากภาครัฐไม่สามารถปฏิบัติตามตามระยะเวลาที่กำหนด จะต้องทำหนังสือแจ้งต่อประชาชนให้รับทราบสาเหตุของความล่าช้า รวมทั้งจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เพื่อเสนอให้ ครม.สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการอนุญาตโดยเร็ว
นอกจากนี้ หากเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานรัฐไม่สามารถดำเนินการแก้ไขความล่าช้าได้ กฎหมายดังกล่าวยังให้อำนาจคณะรัฐมนตรี จัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตเพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับคำขออนุญาต ตนเชื่อว่าถึงเวลานั้นหน่วยงานของรัฐต่างๆ ก็จะไม่ยอมเนื่องจากเป็นการลดอำนาจของตัวเอง
ขอบคุณข่าวจาก