กองทัพภาคที่ 3 เร่งตรวจสอบเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก
กองทัพภาคที่ 3 สั่งเฮลิคอปเตอร์ทุกลำงดขึ้นบินเป็นการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมเร่งหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ทหารเสียชีวิตถึง 9 นาย ขณะที่กองทัพบกเตรียมปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศให้กับผู้เสียชีวิต
กองทัพบกดำเนินการด้านพิธีศพคณะทหาร 9 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ จ.พะเยา โดยได้ทำการเคลื่อนย้ายศพมาบำเพ็ญกุศล ณ วัดคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พร้อมทำพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และจะสวดพระอภิธรรมศพ จนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน ก่อนมีการพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 16.00 น.
นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิกำลังพล มอบเงินช่วยเหลือตามสิทธิของทางราชการ ได้แก่ เงินค่าทดแทน เงินบำเหน็จตกทอด เงินสินไหมทดแทนจากการประกันชีวิตของกองทัพบก เงินบำรุงขวัญจากหน่วยงานต่างๆ และเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจ โดยจะได้รับประมาณ 2-6 ล้านบาท ตามสิทธิ์ของแต่ละบุคคล พร้อมกันนี้ กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้นให้กับทหารที่เสียชีวิต
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ศูนย์การบินทหารบก และคณะกรรมการนิรภัยการบิน ร่วมลงพื้นที่เก็บชิ้นส่วนของเครื่อง นำกลับไปตรวจสอบที่ จ.ลพบุรี พร้อมกับสอบพยานชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อนำมาประมวลหาสาเหตุการตกของเฮลิคอปเตอร์ในครั้งนี้ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุได้เพียงเฮลิคอปเตอร์ตกจากระยะ 300 เมตรวัดจากพื้นดิน ก่อนจะลงสู่พื้นด้วยแรงกระแทก และเกิดไฟลุกไหม้ตามมา
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า กองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งเฮลิคอปเตอร์ทุกลำงดขึ้นบินเป็นการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบเช็คมาตรฐานความปลอดภัยของอากาศยานที่ประจำหน่วยใน จ.ลพบุรี
สำหรับการใช้งานของเฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 มีอายุ 30 ปี โดยเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในงานของกองทัพภาคที่ 3 มีอายุการใช้งานเพียง 20 ปี เหลืออายุการใช้งานอีก 10 ปี อยู่ในวงรอบการของซ่อมบำรุง โดยเฮลิคอปเตอร์ที่แม่ทัพภาคที่ 3 ใช้งานเป็นประจำ คือรุ่น เบลล์ 212 จำนวน 3 ลำ ส่วนอีก 5 ลำจอดประจำการอยู่ชายแดน ซึ่งบางลำมีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี
ขอบคุณข่าวจาก