เบื้องหลัง!บทสนทนา "ทหาร"บีบผู้บริหารไทยพีบีเอสสะดุ้ง-"ณาตยา"ถอนตัว!
"..ในระหว่างการพูดคุย นายทหารกลุ่มนี้ ได้มีการอ้างอิงถึงความสามารถในการตัดงบประมาณสนับสนุนของไทยพีบีเอสได้ รวมถึงพูดจาประหนึ่งว่ารู้ข้อมูลผู้บริหารทุกคนดี รวมไปถึงคนในครอบครัวด้วยว่าอยู่ที่ไหนด้วย จึงทำให้ผู้บริหารหลายคนมีความกังวล ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก.."
ดูเหมือนว่า “ไทยพีบีเอส” กำลังเจอบททดสอบสำคัญอีกบทหนึ่ง เกี่ยวกับ "จุดยืน"การทำหน้าที่เป็น “ทีวีสาธารณะ” ของประเทศไทย ที่มีความเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำหรือแทรกแซงการทำงานจากอำนาจทางการเมืองจริงหรือไม่
เมื่อมีข้อมูลสำคัญหลุดรอดออกมาว่า เมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.ณาตยา แวววีรคุปต์ ไม่ได้ทำหน้าที่พิธีกรรายการ "เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฎิรูป" อีกแล้ว
ภายหลังจากที่มีนายทหารกลุ่มหนึ่ง จำนวน 4-5 คน นำโดยพันเอก ชื่อย่อ "ส." เดินทางมาพบผู้บริหารไทยพีบีเอสถึงสถานี
อ้างคำสั่งของ "ผู้บังคับบัญชา" ขอร้องไม่ให้ไทยพีบีเอส เข้าไปร่วมเผยแพร่รายการ "เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฎิรูป" อีกต่อไป ภายหลังจากไม่พอใจวิธีการตั้งคำถามของ น.ส.ณาตยา ซึ่งมีเนื้อหาการพาดพิงการรัฐประหารร่วมอยู่ด้วย ในการจัดเวทีปฎิรูปที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณะชนได้เห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากผู้เกี่ยวข้อง ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังเหตุการณ์และนำมาไล่เลี่ยงให้เห็นภาพที่ชัดเจนดังนี้
ช่วงที่หนึ่ง
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการจัดงานฟังเสียงคนใต้ก่อนการปฏิรูปที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่จัดไปในช่วงต้นเดือนพ.ย.57 ที่ผ่านมา ซึ่ง น.ส.ณาตยา รับหน้าที่เป็นพิธีกรและได้นำทีมงานเข้าไปถ่ายทำรายการ "เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฎิรูป" ก่อนจะนำมาแพร่ภาพออกอากาศไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย.57 ที่ผ่านมา
“ในการบันทึกเทปทำรายการที่เวทีหาดใหญ่ครั้งนี้ ระหว่างการจัดงาน ที่มีเนื้อหาคำพูดที่เกิดขึ้นและกระทบการทำงานของคสช.หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามของ น.ส.ณาตยา เอง รวมถึงการที่ผู้เข้าร่วมรายการนำป้ายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคสช. ร่วมถึงเหตุการณ์รัฐประหารของมาชูไว้ระหว่างเข้าร่วมรายการ และเมื่อรายการนี้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ในขั้นตอนการตัดต่อก็ไม่ได้มีการนำเนื้อหาและภาพป้ายส่วนนี้ออกไป กลับปล่อยให้มีการออกอากาศด้วย จึงทำให้ทหารไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืนขั้นตอน โดยการรักษาความสงบไม่สร้างปัญหาขัดแย้งหรือแตกแยกระหว่างการจัดงาน”
จากนั้น ทหารเริ่มตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหารายการ และการทำหน้าที่พิธีกร ของ น.ส.ณาตยา อย่างละเอียด!
ช่วงที่สอง
หลังการจัดงานเวทีหาดใหญ่ผ่านพ้นไปไม่นานนัก ในส่วนของจังหวัดนครปฐม ก็มีการจัดงานเวทีปฏิรูปเช่นกัน ซึ่งหัวเรือใหญ่ที่ริเริ่มจัดงาน คือ ผศ.สมเดช นิลพันธุ์. อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ส่วนสถานที่จัดงานก็อยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
การจัดงานเวทีนครปฐม ถือเป็นการปฏิบัติตามแนวทางของสปช. ที่ต้องการให้สปช.ในแต่ละจังหวัด สร้างเครือข่ายการปฏิรูปในพื้นที่ของตนเอง ซึ่ง คสช.เปิดโอกาสให้ทำได้
และปัญหาก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อการจัดงานเวทีนี้มีการเชิญ น.ส.ณาตยา มาทำหน้าที่เป็นพิธีกรด้วย ซึ่งในส่วนของน.ส.ณาตยา ก็มีการนำทีมรายการ "เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฎิรูป" มาบันทึกเทป เพื่อเตรียมออกอากาศทางไทยพีบีเอสเหมือนเดิม
แต่เนื่องจากในขั้นตอนการจัดงานนี้จะต้องมีการทำตามกฎหมายระเบียบ โดยเฉพาะการขออนุญาตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การสนับสนุน รวมถึงฝ่ายทหาร เพื่อให้จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยให้
และทันทีที่ฝ่ายทหารทราบว่า ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นพิธีกรเวทีนี้ คือ น.ส.ณาตยา ก็แสดงความเห็นคัดค้านไม่เอาด้วย โดยมีการส่งตัวแทนไปพูดคุยกับผู้จัดงานร่วมถึงตัวน.ส.ณาตยา เอง ซึ่งเนื้อหาในบทสนทนามีลักษณะเหมือนการข่มขู่
จนทำให้น.ส.ณาตยา ตัดสินใจถอนตัวเองออกไป
ขณะที่การบันทึกเทปรายการเพื่อนำไปออกอากาศทางไทยพีบีเอสที่ตั้งไว้เดิม ก็ยกเลิกเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการรายงานข่าวความเคลื่อนไหวการจัดงานแทน
ช่วงที่สาม
แต่ฝ่ายทหารเข้าใจผิดคิดว่า ยังมีการบันทึกเทปรายการอยู่ จึงส่งตัวแทน จำนวน 4-5 คน นำโดยพันเอก ชื่อย่อ "ส." เดินทางมาพบผู้บริหารไทยพีบีเอส ถึงสถานี
ซึ่งในระหว่างการเจรจาพูดคุย ฝ่ายทหารยืนยันว่า รายการนี้ สามารถจัดต่อไปได้ แต่ขอให้เปลี่ยนแปลงตัวพิธีกรใหม่ ไม่เอา น.ส.ณาตยา
"ในระหว่างการพูดคุย นายทหารกลุ่มนี้ ได้มีการอ้างอิงถึงความสามารถในการตัดงบประมาณสนับสนุนของไทยพีบีเอสได้ รวมถึงพูดจาประหนึ่งว่ารู้ข้อมูลผู้บริหารทุกคนดี รวมไปถึงคนในครอบครัวด้วยว่าอยู่ที่ไหนด้วย จึงทำให้ผู้บริหารหลายคนมีความกังวล ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก"
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ได้ฟังข้อมูลจากทหารกลุ่มนี้ ผู้บริหารไทยพีบีเอส ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร
เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับ น.ส.ณาตยา ก็มีการพูดคุยกัน และเคลียร์กันไปก่อนแล้ว โดยผลสรุปอยู่ที่ น.ส.ณาตยา ขอถอนตัวไปเอง
จนกระทั่งมีข่าวหลุดรอดออกมาสู่โลกออนไลน์ ว่า น.ส.ณาตยา ไม่ได้ทำหน้าที่พิธีกรรายการ "เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฎิรูป" อีกต่อไปแล้ว เพราะถูกทหารกลุ่มหนึ่งเดินทางไปข่มขู่ผู้บริหารไทยพีบีเอสถึงสถานี
และมีการนำเรื่องนี้ เข้าบรรจุวาระในการประชุมคณะกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส เพื่อรับทราบรายงานอย่างเป็นทางการ ในช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย.2557 ตามที่การนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ขณะที่เสียงเพลง "กำลังใจ" ก็เริ่มดังกระหึ่มในเฟซบุ๊กของ น.ส.ณาตยา อย่างต่อเนื่อง!
ทั้งหมดนี่ คือ เบื้องหน้าเบื้องหลัง ของเหตุการณ์สำคัญที่กำลังท้าทายการทำหน้าที่สื่อสาธารณะของไทยพีบีเอส อีกครั้งหนึ่ง
และสะท้อนให้เห็นภาพที่แท้จริงของ นโยบาย "สื่อ" ประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานยุครัฐบาลทหาร ที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นอย่างดี!
(อ่านประกอบ : "พันเอก"อ้างคำสั่ง"นาย"ตบเท้าบีบThaiPBSถอด "ณาตยา-รายการเสียงปชช.")