กรรมการสิทธิฯพบ2ปม"อุยกูร์"ล่องหน เตรียมเรียก"ตม.-พัฒนาสังคมฯ"ชี้แจง
กรรมการสิทธิฯสอบเบื้องต้นปม "มุสลิมอุยกูร์" ล่องหนจากบ้านพักเด็กและสตรีสงขลานับร้อย เผยเป็นไปได้ทั้งหนีออกไปเอง หรือมีขบวนการนำพาแลกผลประโยชน์ เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง ด้าน "ตม.-พัฒนาสังคมฯ" โยนกลองวุ่น เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯยันแค่ดูแลตามหลักมนุษยธรรม ไม่มีอำนาจควบคุมตัว อ้างตำรวจส่งกำลังมาเฝ้าแค่วันละ 2 นาย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ดำเนินการตรวจสอบกรณีมีข่าวมุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติ ซึ่งทางการไทยสงสัยว่าเป็นชาวอุยกูร์มุสลิม หายตัวไปจากบ้านพักเด็กและสตรีสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา กว่า 100 คน โดยจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงเป็นการด่วน
กลุ่มมุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติกลุ่มนี้ ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ควบคุมตัวได้ที่ อ.รัตภูมิ และ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อเดือน มี.ค.57 จำนวน 295 คน ฐานหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้มีการแยกกลุ่มคนดังกล่าวไปควบคุมตัวไว้ โดยผู้ชายถูกคุมตัวในห้องกัก กองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 (ตม.6) จ.สงขลา ส่วนเด็กและผู้หญิงถูกแยกไปคุมตัวไว้ที่บ้านพักเด็กและสตรีสงขลา ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา ทางการไทยยังไม่สามารถผลักดันมุสลิมกลุ่มนี้ออกจากประเทศได้ เพราะมีปัญหาเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ โดยพวกเขาอ้างว่าเป็นชาวตุรกี เชื้อสายอนาโตเลีย แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขณะที่ทางการจีนก็สงสัยว่าเป็นชาวอุยกูร์ที่หลบหนีออกจากมณฑลซินเจียง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน จึงต้องการขอตัวกลับประเทศ
อย่างไรก็ดี มุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นผู้หญิงและเด็กได้หนีหายไปจากบ้านพักเด็กและสตรีสงขลากว่า 100 คน จากจำนวนทั้งหมด 169 คน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า มุสลิมกลุ่มดังกล่าวหนีหายไปได้อย่างไร
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ทาง กสม.ติดตามปัญหานี้มาตลอด และได้เข้าไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ข้อมูลที่ได้มาเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1.มุสลิมกลุ่มนี้จำนวนร้อยกว่าคน หลบหนีออกไปจากบ้านพักเด็กและสตรีสงขลาเอง ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ก็หมายความว่ามุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติทั้งหมดไม่ได้มีความตั้งใจพำนักอยู่ในประเทศไทย แต่ต้องการอพยพไปพื้นที่อื่น เช่น มาเลเซีย เป็นต้น
ส่วนปัญหาของทางการไทยก็คือ มาตรการจัดการปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ดีพอ และไม่มีความชัดเจน ทำให้กลุ่มคนดังกล่าวไม่มีความหวังว่าอยู่รอไปเพื่ออะไร เพราะต้องถูกจำกัดบริเวณอยู่ในบ้านพักเด็กและสตรีสงขลานานหลายเดือนแล้ว จึงพยายามหลบหนีไป
หรือ 2.มีกระบวนการบางอย่างเข้าไปจัดการทำให้เกิดการอพยพอย่างผิดธรรมชาติ ซึ่งอาจมีเรื่องผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง
นพ.นิรันดร์ กล่าวด้วยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทาง กสม.จะเชิญผู้แทนหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น ก่อนจะเสนอแนะมาตรการแก้ไขต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ประจำบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สงขลา ซึ่งรับทราบเหตุการณ์เด็กและสตรีมุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติหลบหนีออกจากบ้านพักฯ ให้ข้อมูลว่า มุสลิมกลุ่มนี้หลบหนีออกไปหลายครั้ง ไม่ใช่หนีไปร้อยกว่าคนในคราวเดียว และทุกครั้งก็ได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่สถานีตำรวจ บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามตัวกลับมาได้บางส่วน อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีเด็กและสตรีมุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติเหลืออยู่ในบ้านพักเพียง 40 กว่าคนเท่านั้น จากทั้งหมด 169 คน
"ต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า เด็กและสตรีมุสลิมอุยกูร์ (เจ้าหน้าที่ไทยเชื่อว่าคนเหล่านี้เป็นมุสลิมอุยกูร์จากประเทศจีน) ที่มาอยู่ที่บ้านพักเด็กฯ เป็นการฝากดูแลจากทางตำรวจ ตม.ซึ่งจริงๆ แล้วทางบ้านพักเด็กฯจะรับดูแลเฉพาะเด็ก ทว่าเด็กมีแม่ของเด็กมาด้วย จึงทำให้มีกลุ่มผู้หญิงเข้ามาอยู่อาศัยกับเด็ก เพื่อจะได้ดูแลเด็กที่เป็นลูกหรือหลานของตนเองได้อย่างทั่วถึง เพราะมีจำนวนเยอะมาก และทางเจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็กฯก็ไม่มีกำลังคนเพียงพอ ซึ่งบ้านพักเด็กฯจะดูแลช่วยเหลือสนับสนุนปัจจัยต่างๆ ตามหลักมนุษยธรรม"
เจ้าหน้าที่รายนี้ ให้ข้อมูลอีกว่า การเข้ามาอยู่ที่บ้านพักเด็กฯ เราได้จัดที่พักเอาไว้ให้ ไม่ใช่สถานที่ควบคุมอย่างที่หลายคนเข้าใจ กลุ่มมุสลิมอุยกูร์มีอิสระในพื้นที่ที่เราจัดไว้ ไม่ได้ถูกกักขัง เพียงแต่มีเจ้าหน้าที่ ตม.เข้ามาดูแลร่วมด้วยวันละ 2 นาย เพราะทาง ตม.คือหน่วยงานที่รับผิดชอบมุสลิมกลุ่มนี้โดยตรง
ส่วนการหลบหนีออกไปของมุสลิมอุยกูร์ เจ้าหน้าที่คนเดียวกันบอกว่า ต้องเข้าใจก่อนว่ากลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่บ้านพักเด็กฯนาน 7-8 เดือนแล้ว และพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าจะมีการดำเนินการกับพวกเขาต่ออย่างไร จะส่งไปที่ไหน ได้แต่รออยู่อย่างนี้ ซึ่งเดิมพวกนี้มีเป้าหมายที่จะเดินทางต่อไปอยู่แล้ว ทำให้พวกเขาไม่อยากรอ จึงได้ทยอยหลบหนีออกไปกันเอง
"เรื่องการติดตามตัวกลับมา เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ตม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ทางบ้านพักเด็กฯทำได้เพียงให้การดูแลส่วนที่เหลืออยู่" เจ้าหน้าที่ประจำบ้านพักเด็กและสตรีสงขลา ย้ำ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 (ผบก.ตม.6) สงขลา ทางโทรศัพท์ แต่ พล.ต.ต.ธัชชัย ไม่รับสาย
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธัชชัย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตม.รับผิดชอบควบคุมตัวมุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติเฉพาะที่เป็นผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงและเด็กอยู่ในความดูแลของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) สงขลา ซึ่งที่ผ่านมาการจะเข้าไปตรวจสอบหรือพาสื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์ ก็ต้องขออนุญาตจากทาง พม.ก่อนทุกครั้ง ฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับตำรวจ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : มุสลิมไม่ปรากฏสัญชาติทั้งผู้ชายและเด็กที่ถูกควบคุมตัวโดยตำรวจ ตม.ไทย เมื่อเดือน มี.ค.57
หมายเหตุ : ภาพจากแฟ้มภาพอิศรา
อ่านประกอบ : "มุสลิมอุยกูร์"หายปริศนานับร้อย หวั่นถูกส่งกลับจีนละเมิดกติกาสากล