เครือข่ายเสวนายุติรุนแรงรุกต่อเนื่อง 1 ธค.ปูพรมจัดงาน 38 จังหวัด พร้อมแพร่ข้อมูลผ่านสื่อชุมชน
นส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานสภาพัฒนาการเมืองคนที่ 2 เปิดเผยถึงความคืบหน้าของกิจกรรมการจัดเวทีเสวนาและเดินรณรงค์ยุติความรุนแรง ที่ให้สมาชิกสภาฯที่เป็นผู้แทนจากแต่ละจังหวัดระดมจัดเสวนาในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นแนวทางตามมติของสภาฯ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในแต่ละชุมชนว่า ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ดังกล่าวตามมติสภาฯ ครั้งใหญ่พร้อมกันทั้งหมด 38 จังหวัด อาทิ จ.ตรัง จ.นราธิวาส เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเข้าใจร่วมกัน
รูปแบบกิจกรรมจะเป็นการเดินรณรงค์ เสวนา อภิปราย และขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนมีการพูดคุยและทำความเข้าใจโดยใช้เหตุผล อันเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในสังคมและเป็นทางออกหนึ่งสำหรับคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน รองประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าว
นส.ลัดดาวัลย์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรมไปแล้วก่อนหน้านี้ทั้งหมด 17 จังหวัด มีกระแสตอบรับเป็นที่น่าพอใจ มีประชนชนในพื้นที่ ตลอดจนผู้มีบทบาทในสังคมหลายฝ่าย อาทิ นักวิชาการ แกนนำชุมชน สื่อมวลชน เข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง ส่วนพื้นที่อื่น ที่ยังไม่มีการจัดกิจกรรมซึ่งมีอยู่ 21 จังหวัดนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงาน
ผลสรุปที่ได้จากการพูดคุยกันนั้นสมาชิกสภาฯ เห็นร่วมกันว่าควรจะนำไปขยายผลต่อไปในวงกว้าง อาทิ อาจจะเผยแพร่ในสื่อของชุมชน เช่น วิทยุชุมชน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือผู้แทนชุมชน เพื่อให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ รวมถึงทั่วทั้งประเทศเข้าใจร่วมกันว่าเราควรหาทางออกจากปัญหาที่ประสบอยู่นี้ด้วยการใช้เหตุผล
รองประธานสภาฯคนที่ 2 กล่าวว่า ไม่คิดว่ากิจกรรมที่ทำอยู่นี้จะเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ แม้ว่าสถานการณ์ของความรุนแรงยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อยากให้มองว่ากิจกรรมนี้เป็นสร้างความเข้าใจในชุมชน ซึ่งมิได้หมายความว่าทุกฝ่ายต้องเข้าใจกันภายในการจัดกิจกรรมเพียงครั้งเดียว ต้องทำอย่างต่อเนื่อง จนกว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลาย ก่อนจะพัฒนาไปสู่ทางออกที่ดี
ด้านนางอริยา แก้วสามดวง สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง จ. ตรัง กล่าวถึงกิจกรรมฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคมว่า ได้ร่วมมือกับเครือข่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด อาทิ สมาชิกองค์กรชุมชน เครือข่ายหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เครือข่ายวิทยุชุมชนฯลฯ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสดงจุดยืนของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยรูปแบบของกิจกรรมนี้เป็นการพูดคุยหาทางออก ก่อนจะมีมติอันแสดงถึงจุดยืนร่วมกัน เพื่อนำไปยื่นเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด
นางอริยา กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นการแสดงพลังของกลุ่มคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ต้องการความความสันติให้เกิดขึ้นในสังคม โดยภายในงานจะเชิญพระอาจารย์และผู้มีเกียรติในจังหวัดซึ่งมีประชาชนให้ความเคารพนับถือ มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายใต้กรอบของการให้เกิดสันติธรรมขึ้นในจังหวัด เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน