รัฐบาลตั้งอนุกรรมการ 3 คณะ เร่งจัดหาที่ดินให้ราษฎรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมใน 1 ปี
วันที่ 7 พ.ย.57 เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2557 โดยมี นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
ภายหลังการประชุม พลเอกดาว์พงษ์ แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จำนวน 3 คณะ ประกอบด้วย
คณะที่ 1 คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการ มีหน้าที่หลักในการสำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำข้อมูลที่ดินและแผนที่ขอบเขตที่ดินที่จะจัดให้แก่ผู้ยากไร้ที่ไม่มี ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย พร้อมด้วยรายชื่อผู้ครอบครอง และส่งมอบให้คณะอนุกรรมการจัดที่ดินทำกินดำเนินการต่อไป โดยการจัดหาที่ดินจะเป็นการมอบให้ไปทำกิน ไม่ใช่การแจก
คณะที่ 2 คณะอนุกรรมการจัดที่ดิน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย เป็นประธานอนุกรรมการ มีหน้าที่หลักในการจัดคนลงพื้นที่หลังจากคณะอนุฯ คณะที่ 1 จัดหาที่ดินแล้ว คณะอนุฯ ชุดที่ 2 จะพิจารณาจำนวนคนที่จะลงพื้นที่ให้เหมาะสมกับขนาด ลักษณะ ของพื้นที่ตามท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะมีบัญชีรายชื่อของราษฎรผู้ยากไร้อยู่แล้ว รวมทั้งจะมีรายชื่อของราษฎรที่บุกรุกพื้นที่ป่าที่ได้ถูกผลักดันออกมา ที่คณะอนุฯ คณะที่ 1 ได้มอบให้ โดยทั้งหมดจะมีการพิจารณาจัดหาที่ดินให้เพื่อไปทำกิน
คณะที่ 3 คณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ถ้ามี) ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานอนุกรรมการ มีหน้าที่ทำงานคู่กับคณะอนุฯ คณะที่ 2 โดยจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของการทำเกษตรกรรมใด ๆ ในแต่ละพื้นที่ และจะเป็นผู้จัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดินตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบาย ที่ดินแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพิจารณาจัดทำระบบสหกรณ์หรือระบบอื่นที่เหมาะสมตามลักษณะของพื้นที่ อีกครั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการรีบไปทำงานในหน้าที่แล้วมารายงานต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในการประชุมติดตามงานครั้งต่อไปในเดือนธันวาคมนี้ ว่าจะมีผลสัมฤทธิ์ในการจัดเตรียมที่ดินให้ราษฎรอย่างไร โดยจะต้องรายงานทุกรอบ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี ฉะนั้น จากนี้ไปคณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะต้องรีบทำงานอย่างหนักเพื่อให้รายงานได้ว่ามีการจัดหาที่ดินให้ราษฎรแล้วกี่ไร่ มอบให้ราษฎรแล้วกี่ชุมชน ทั้งนี้ ย้ำว่าการจัดหาที่ดินให้ราษฎรดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการแจก เป็นการจัดหาที่ดินให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกินในรูปแบบของส่วนรวมไม่ใช่ เป็นรายบุคคล
พลเอกดาว์พงษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.2557 ข้อ 4 (5) กำหนดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นบุคคลซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรเอกชนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย และผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ด้านการปฏิรูปที่ดิน ด้านการผังเมือง ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านกฎหมายที่ดิน และด้านเศรษฐศาสตร์ จำนวนไม่เกินสิบคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้คณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะ ไปพิจารณานำรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเสนอฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ เพื่อดำเนินการอนุมัติแต่งตั้งตามขั้นตอนต่อไป
พลเอกดาว์พงษ์ กล่าวด้วยว่า ในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับราษฎรที่ยากจน มีการเรียนถูกเรียนผิดกันมามาก ใช้การออกเอกสารสิทธิ์เป็นรายบุคคลให้ในหลายรูปแบบมาตลอด แล้วก็พบว่า มีการเปลี่ยนสิทธิ์เป็นจำนวนมาก ขายสิทธิ์ไปโดยไม่กลับมา ไม่มีที่ดินเหมือนเดิม ที่การขายสิทธิ์อาจขายให้กับนายทุนที่มากว้านซื้อสิทธิ์เอาพื้นที่ไปใช้ทำ อย่างอื่น ซึ่งไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ในเอกสารสิทธิ์ที่แจก ก่อให้เกิดปัญหาคาราคาซังขึ้น ต้องไปใช้กฎหมายดำเนินคดีกัน และวันนี้ก็ยังทำกันอยู่
ทั้งนี้ นายทุนที่ดีก็มี แต่นายทุนที่เอาเปรียบต้องยอมรับว่ามีเหมือนกัน การแก้ปัญหาแบบเดิม ไม่ปฏิเสธว่าไม่ได้ผล ราษฎรหลายพื้นที่ที่ได้รับ สปก. ไปก็ทำถูกต้องตามวัตถุประสงค์จริง แต่ที่เปลี่ยนสิทธิ์ก็มีมาก การแก้ปัญหาไม่จบไม่สิ้น ฉะนั้น จึงต้องคิดใหม่เปลี่ยนรูปแบบอยู่บนพื้นฐานของความมีเหตุมีผลและมีความเป็นไปได้ โดยขอเวลาให้คณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะได้ทำงานสักระยะ ซึ่งเมื่ออนุกรรมการทั้ง 3 คณะได้ลงในรายละเอียดแล้ว คาดว่าไม่เกินปีใหม่นี้จะได้รู้ทิศทางความเป็นไปได้ของนโยบาย ว่าจะเป็นไปอย่างที่ตั้งใจจะทำให้สำเร็จหรือไม่ และจะต้องเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปีแน่นอน โดยรัฐบาลพยายามที่จะทำให้ได้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน พร้อมย้ำว่า การจัดหาที่ดินครั้งนี้จะต้องไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมหรือการอนุรักษ์ด้วย