เจาะกรุสมบัติ 3 นายพล “บูรพาพยัคฆ์”เบ็ดเสร็จ 253 ล้าน
กรุสมบัติ 3 นายพล“บูรพาพยัคฆ์”เบ็ดเสร็จ 253 ล้าน “บิ๊กตู่”รับมรดกขายที่ดิน “บิดา” 540 ล้าน แบ่งพ่อ-น้อง-ลูก กว่า 400 ล้าน มากสุด 128 ล้าน “บิ๊กป้อม”เงินฝากเพิ่ม 24 ล้าน หุ้นลด 16 ล้าน เพิ่มขึ้น 8 ล้าน “บิ๊กป๊อก”จนสุด 37 ล้าน รถใหม่ 2 คัน 2.7 ล้าน ค้ำประกัน บ.พฤกษาพรรณฯ 258 ล้าน
ทรัพย์สินของ 3 นายพล “บูรพาพยัคฆ์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมกันกว่า 250 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ 3 นายพลข้างต้น ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แจ้งว่า สมรสกับ นางนราพร จันทร์โอชา มีรายได้ทั้งหมด 25,838,007 บาท เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ 25,484,471 บาท ของนางนราพร 353,535 บาท มีรายจ่ายทั้งสิ้น 478,476,594 บาท ของ พล.อ.ประยุทธ์ 478,010,594 บาท ของนางนราพร 446,000 บาท
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 128,664,535 บาท ของ พล.อ.ประยุทธ์ 102,317,152 บาท ของนางนราพร 26,347,382 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 654,745 บาท ของ พล.อ.ประยุทธ์ 327,372 บาท ของนางนราพร 327,372 บาท
ที่น่าสนใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเงินมรดกจากขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 จำนวนทั้งสิ้น 600 ล้านบาท และโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 จำนวนเงิน 540 ล้านบาท
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ แบ่งเงินคืนกองกลางให้กับพ่อและน้อง งวดแรก 140 ล้าน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 และล่าสุดแบ่งให้ทั้งสิ้น 267,999,594 บาท และมอบเงินให้ลูก 198,500,000 บาท
2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แจ้งว่า โสด มีรายได้ทั้งหมด 834,309 บาท เป็นเงินเบี้ยหวัด/บำเหน็จ/บำนาญ 762,540 บาท เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัด/บำนาญ 111,768 บาท ไม่ได้แจ้งรายจ่าย
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 87,373,757 บาท เป็นเงินฝาก 11 บัญชี 53,197,562 บาท เงินลงทุน 1 แห่ง (บ.ดีบีเอส วิคเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด) 7,076,185 บาท ที่ดิน 3 แปลง 17 ล้านบาท โรงเรือนฯ 1 แห่ง 10 ล้านบาท ยานพาหนะ 1 คัน (Volkswagen ได้มาปี 2543) 1 แสนบาท ไม่มีหนี้สิน
ทั้งนี้หากเทียบกับในช่วงที่พ้นตำแหน่ง รมว.กลาโหม ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 (รับตำแหน่ง 22 ธันวาคม 2551 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี) ที่แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 874,308 บาท ไม่ได้แจ้งรายจ่าย มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 79,063,414 บาท (เงินลงทุน บ.ดีบีเอส วิคเตอร์สฯ 23,120,158 บาท) ไม่มีหนี้สิน
เท่ากับ พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 8,310,343 บาท
อย่างไรก็ดีที่น่าสนใจคือ เงินฝาก ในช่วงรับตำแหน่ง รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ใน ครม.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้น 24,354,306 บาท หากเทียบกับเงินฝากในช่วงพ้นตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยุค ครม.อภิสิทธิ์ ที่มี 28,843,256 บาท
ขณะที่เงินลงทุน บจ.ดีบีเอสฯ ก็ลดลง 16,043,963 บาท หากเทียบกับเงินลงทุนในช่วงพ้นตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยุค ครม.อภิสิทธิ์ ที่มี 23,120,158 บาท
3.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
แจ้งว่า สมรสกับนางกุลยา เผ่าจินดา มีรายได้ทั้งหมด 2,249,892 บาท เป็นเงินบำนาญ/ชคบ 861,012 บาท เงินเดือน รมว.มหาดไทย/เงินประจำตำแหน่ง 1,388,880 บาท ส่วนนางกุลยา ไม่แจ้งรายได้ มีรายจ่ายทั้งหมด 1,560,000 บาท เป็นของ พล.อ.อนุพงษ์ 9.6 แสนบาท (ค่าน้ำ/ค่าไฟ 6 หมื่นบาท อุปโภคบริโภค 5 แสนบาท, ท่องเที่ยว/บริจาค 3 แสนบาท, เบ็ดเตล็ด 1 แสนบาท) ของนางกุลยา 6 แสนบาท (อุปโภคบริโภค 2 แสนบาท, ท่องเที่ยว/บริจาค 3 แสนบาท, เบ็ดเตล็ด 1 แสนบาท)
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 37,790,130 บาท เป็นของ พล.อ.อนุพงษ์ 27,423,570 บาท (เงินฝาก 8,385,570 บาท, ที่ดิน 7,728,000 บาท, โรงเรือนฯ 5 ล้านบาท, ยานพาหนะ 3.6 ล้านบาท (รถโตโยต้า CELSIOR 8 แสนบาท ได้มา 15 ส.ค. 57-รถเบนซ์ S350 1.9 ล้านบาท ได้มา 22 ส.ค. 57), สิทธิและสัมปทาน 2,110,000 บาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 6 แสนบาท) ของนางกุลยา 10,366,560 บาท (เงินฝาก 1,066,560 บาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 9.3 ล้านบาท) ไม่มีหนี้สิน
ที่น่าสนใจคือ นางกุลยา แจ้งว่า ในส่วนของเงินลงทุนมีอยู่ 3 บริษัทถูกคัดชื่ออกจากทะเบียน ในช่วงปี 2543 1 บริษัท ในช่วงปี 2550 2 บริษัท
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้เซ็นสัญญาค้ำประกันหนี้สินให้กับบริษัท พฤกษาพรรณ พัฒนา จำกัด ในวงเงิน 258,940,000 บาท เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2556
เบ็ดเสร็จทรัพย์สิน 3 นายพล “บูรพาพยัคฆ์” ทั้งสิ้น 253,828,422 บาท
อ่านประกอบ :
โชว์ทรัพย์สิน ครม.ประยุทธ์-นายกฯ 128 ล.แบ่งเงินกองกลางพี่น้อง 400 ล.
เปิดหนังสือ“ประยุทธ์”รับเงินขายที่ดินมรดกพ่อ 9 โฉนด 540 ล้าน