แพทยสภาแจงกรณี 'ค้าไตจากเขมร' หมอเจอโทษหนัก!
เลขาธิการแพทยสภา แจงกรณี "ค้าไต" หลังกัมพูชาร้องพบผู้ซื้อจากไทย คาดเป็นเหตุสมยอมแพทย์กับคนไข้ หากพบในไทยจริง มีบทลงโทษหนักแน่นอน...
นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวกับ "ไทยรัฐทีวี" ถึงกรณีมีที่ประเทศกัมพูชา ขอความร่วมมือมายังประเทศไทย ในฐานะที่เป็นแหล่งเปลี่ยนถ่ายอวัยวะที่มีการขโมย หรือซื้อขายกันมาจากประเทศกัมพูชา ว่า คล้ายกับกรณีอุ้มบุญที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องที่มีการสมยอมกันระหว่างแพทย์และคนไข้ หากไม่มีการร้องเรียน หรือแจ้งความเป็นทางการ บุคคลภายนอกก็ไม่ทราบเรื่อง แต่หากถามว่ามีแพทย์ทำการซื้อขายอวัยวะมาปลูกถ่ายกันเยอะหรือไม่ ยังมองว่าไม่น่าจะเยอะเหมือนกรณีรับทำอุ้มบุญในช่วงที่ผ่านมา
เลขาธิการแพทยสภา กล่าวอีกว่า หากเป็นต่างประเทศ ยอมรับว่าเยอะกว่าบ้านเรา และเคยได้ยินทั้งกรณีเอาไตจากนักโทษ หรือมีการใช้ยาสลบโปะเพื่อขโมยไต แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่วนขั้นตอนการเปลี่ยนอวัยวะนั้น ยากมาก ต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมืออย่างดี และต้องใช้ทีมแพทย์ ทีมผ่าตัดเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ ไม่ใช่แพทย์เพียงคนเดียวจะทำได้ และจะต้องมีการเก็บอวัยวะเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีผู้ป่วยที่นอนรอเปลี่ยนถ่ายไต มากถึง 4,000-5,000 ราย
เรื่องนี้ทางแพทยสภาประสานกับทางสภากาชาดมาโดยตลอด และการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ โดยเฉพาะไต มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน หากใครจะบริจาคต้องเป็นญาติทางพันธุกรรม หรือเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือหากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันต้องอยู่กินฉันสามีภรรยา อย่างน้อย 3 ปี หรือมีบุตรด้วยกัน หากโรงพยาบาลใดจะมีการเปลี่ยนไต จะต้องแจ้งไปที่สภากาชาดหรือแพทยสภาก่อน จึงสามารถดำเนินการได้
เลขาธิการแพทยสภา ยังกล่าวถึงโทษด้วยว่า หากพบแพทย์มีการดำเนินการจริง บทลงโทษหนักแน่นอน เพราะห้ามมีการซื้อขายอวัยวะกันมานาน และในส่วนแพทยสภาก็ต้องพักใช้ หรือยึดใบอนุญาตแพทย์ที่กระทำความผิดในทันที
ขอบคุณข่าวจาก