'ไพบูลย์' เสนอตั้ง 'สุวณา' เป็นอธิบดีดีเอสไอ

เคาะลงตัวแล้ว "ไพบูลย์" เสนอตั้ง "สุวณา" เป็นอธิบดีดีเอสไอ รับภารกิจสะสางคดีกองกำลังชุดดำ-กปปส.

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการเสนอชื่อแต่งตั้งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตนได้เสนอรายชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมซึ่งเป็นคนในกระทรวงยุติธรรมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (28 ต.ค.) รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่ว่างลงตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย

ล่าสุดจากการสอบถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนดเป็นวาระการพิจารณาของครม.แล้ว นอกจากนี้เพื่อขับเคลื่อนงานของดีเอสไอ ตนจึงได้หารือกับนายวิษณุถึงการสรรหาคณะกรรมการคดีพิเศษในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิ ภายหลังบอร์ดชุดเก่าได้หมดวาระลงทั้งหมด อยู่ระหว่างหาบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องหาผู้ที่เชี่ยวชาญในทุกด้าน และด้านเศรษฐกิจด้วย จึงอยู่ระหว่างทาบทาม เพื่อขอให้มาช่วยสร้างความเชื่อมั่นของดีเอสไอในสายตาประชาชน

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า. ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ไพบูลย์ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงบางส่วน เพื่อขับเคลื่อนงานที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ในส่วนของรายชื่ออธิบดีดีเอสไอนั้น กระทรวงยุติธรรมเสนอให้ย้ายสลับนางสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทวงยุติธรรม ซึ่งก่อนหน้านีมีคำสั่งให้นางสุวณา รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เป็นอธิบดีดีเอสไอ และให้นายวีระยุทธ สุขเจริญ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม มาเป็นอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่าสำหรับนางสุวณาแม้จะไม่ได้เป็นนักกฎหมาย เพราะจบการศึกษาคณะบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. แต่ได้มีบทบาทเข้าไปร่วมงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.). มาตั้งแต่ต้น. นอกจากนี้ นายก่อพงศ์ สุวรรณจูฑะ สามีของนางสุวณาเป็นผู้พิพากษาอาวุโสที่ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลให้นางสุวณาได้รับการสนับสนุนให้ขยับมาคุมงานดีเอสไอ เพื่อลดกระแสต้านจากคนในที่ไม่ต้องการให้ทาบโอนตำรวจมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ

นอกจากนี้ยังคาดหมายว่านางสุวณาได้รับมอบภารกิจให้เข้ามาสะสางคดีกองกำลังชายชุดดำ ผังล้มเจ้า และคดีม็อบกปปส. ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยคดีทั้ง 2 ส่วน เป็นเงื่อนไขที่ทำให้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองบานปลายจนคสช.ต้องปฏิวัติ

ขอบคุณข่าวจาก