ส.โลกร้อนฟ้องศาล ปค.เพิกถอนมติ กพช.ให้สัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21
'ศรีสุวรรณ จรรยา' นำฟ้องศาล ปค.เพิกถอนมติ กพช.ให้สัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 จัดเวทีรับฟังความเห็นทั่วถึง ระบุมิได้ดำเนินการตามขั้นตอน กม. ขาดความโปร่งใส หลักธรรมาภิบาลต้องยึด ปชช.ศูนย์กลาง
วันที่ 27 ตุลาคม 2557 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมคณะ เข้ายื่นฟ้องคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยุติหรือระงับกระบวนการเปิดรับหรือให้เอกชนมายื่นขอรับสิทธิสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 3 ราย ได้ร่วมกันเห็นชอบให้มีการกำหนดเขตพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียม และเปิดรับการยื่นเรื่องขอรับสัมปทานปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเลอ่าวไทย 29 แปลงสัมปทาน โดยมิได้ดำเนินตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
เอกสารคำฟ้อง ระบุว่า การใช้อำนาจของ กพช. ก้าวข้ามขั้นตอน วิธีการ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 และกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนด ถือเป็นการดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลย หรือเพิกถอนต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติโดยชัดแจ้ง
นอกจากนี้มติให้ความเห็นชอบสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ 21 เป็นการดำเนินงานของ กพช. ที่ขาดความโปร่งใส ขัดหลักธรรมาภิบาลที่ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางบนหลักการมีส่วนร่วม ทั้งที่ปัจจุบันยังมีความขัดแย้งถึงการดำเนินการอยู่ อีกทั้ง ยังมิได้ใส่ใจที่จะดำเนินการตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชนหรือผู้ฟ้องคดี แต่กลับพยายามบิดเบือนและโฆษณาชวนเชื่อในข้อมูลข่าวสารเพียงตนเองฝ่ายเดียวว่าถูกต้อง
“การอนุมัติเปิดสัมปทานดังกล่าว สะท้อนชัดว่าผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้ฟังเสียงของภาคประชาชนที่ให้ศึกษาเปลี่ยนแปลงระบบจากการให้สัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตแม้แต่น้อย แล้วเหตุใดทำไมไม่ศึกษาเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับระหว่างสองระบบนี้เสียก่อน มิหนำซ้ำยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ ด้วยว่า ทำไมถึงไม่รอให้ สปช.เข้ามาพิจารณาเรื่องนี้ก่อนที่จะชี้ขาด”
เอกสารคำฟ้อง ระบุอีกว่า การใช้อำนาจทางปกครองของ กพช.และรมว.พลังงาน เพื่อออกประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่อง เขตพื้นที่แปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกและในทะเลอ่าวไทยที่เปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2557 ถือว่าเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขาดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและตามกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดินโดยชัดแจ้ง
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนฯ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอย่างหนึ่งอย่างใดให้ผู้ถูกฟ้องคดีระงับหรือเพิกถอนประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่อง เขตพื้นที่แปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกและในทะเลอ่าวไทยที่เปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2557 พร้อมระงับกระบวนการการอนุมัติหรืออนุญาตหรือการให้ความเห็นชอบด้วย
ตลอดจนให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ทั่วถึงและเป็นไปตามขั้นตอน วิธีการ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่พิพากษาทั้ง 29 แปลงสัมปทานและหรือในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการขุดเจาะ สำรวจปิโตรเลียมตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดี ก่อนที่จะเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ 21
นอกจากนี้ขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอย่างหนึ่งอย่างใดให้ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอน วิธีการ และหรือรูปแบบตามที่กฎหมายต่างๆ ตามคำฟ้องในคดีนี้กำหนด โดยเฉพาะการปฏิบัติให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ว่าด้วยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน ให้เสร็จสิ้นครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเสียก่อน ก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ต่อไป
สุดท้าย ให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนและหรือผู้ฟ้องคดีไว้เป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดียุติหรือระงับกระบวนการเปิดรับหรือให้เอกชนมายื่นรับสิทธิสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด .
ภาพประกอบ:ทีนิวส์-ไทยพับลิก้า