‘สมชัย’ชี้ความคิดยุบองค์กรอิสระเป็นสิ่งผิด
‘สมชัย’ ชี้ความคิดยุบองค์กรอิสระเป็นสิ่งผิด แจงความสำคัญเพื่อเติมเต็มการปฏิรูปการเมืองให้ดีขึ้น
25 ต.ค.57 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวบรรยายเรื่องบทบาทองค์กรอิสระในการกำกับดูแล กรณี กกต. ให้กับนักศึกษาระดับชั้นปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารจัดการสาธารณะสำหรับนักบริหาร คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนหนึ่งถึงแนวทางการปฏิรูปองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ว่า เจตนาที่รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้มีองค์กรอิสระเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการเมืองไทยให้ดีขึ้น เพื่อเติมเต็มกลไกอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ที่พบว่าเป็นปัญหาต่อการทำงานของกลไกอำนาตดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายใต้รัฐธรรมนูญ 2450 กำหนดให้มีองค์กรอิสระ 4 องค์กร คือ คณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งรัฐสภา กกต. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยหน่วยงานดังกล่าวต้องทำงานร่วมกันภายใต้เงื่อนไขที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น
"มีคนคิดว่าจะให้มหาดไทย หรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ กลับไปดูแลการเลือกตั้ง แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะหากให้ฝ่ายกระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่เท่ากับเป็นการให้อำนาจฝ่ายบริหารไปดำเนินการ ดังนั้นการเลือกตั้งจะไม่มีทางบริสุทธ์ ยุติธรรมได้ และที่ผ่านมาพบว่าฝ่ายบริหารเป็นต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชั่น หากให้ฝ่ายบริหารทำหน้าที่เอง แล้วจะให้หน่วยงานใดตรวจสอบการทำหน้าที่นั้นและมีน้ำหนักพอที่ฝ่ายบริหารจะรับฟัง" นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวต่อว่า หากจะปฏิรูปองค์กรอิสระจำเป็นต้องพิจารณาถึงปัญหาขององค์กร ด้วยความเป็นธรรม เช่น มีองค์กรแล้วแต่ไม่สามารถทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญ หรือความคาดหวังของประชาชนได้ โดยต้นตอปัญหานั้นเป็นเพราะการทำงานของบุคลากร หรือเป็นเพราะวัฒนธรรมในสังคมไทยที่สั่งสมจนยากจะเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย แม้จะออกแบบ หรือเปลี่ยนโครงสร้าง กกต. ป.ป.ช.ทั้งวิธีสรรหา จำนวนบุคลากร อำนาจและหน้าที่ ไม่สามารถตอบโจทย์สังคมไทยได้ ดังนั้นหากจะปฏิรูปองค์กรอิสระ ต้องระบุถึงเหตุผลเชิงอำนาจว่าองค์กรนั้นควรมีหรือไม่และควรมีอยู่หรือไม่ จากนั้นจะออกแบบโครงสร้างองค์กรตามสภาพการเมืองที่เป็นจริงอย่างไร และให้องค์กรนั้นมีส่วนร่วมกับองค์กรอื่นๆ อย่างไร รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำงาน ดังนั้นการรับฟังความเห็นรวมถึงข้อมูลที่เคยศึกษามาก่อนหน้านั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการวิเคราะห์การอยู่ต่อขององค์กรอิสระ ส่วนที่มาของกรรมการ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดย่อมมีคำครหา ทั้งนี้ตนไม่เห็นด้วยให้คนจำนวนน้อยมีอำนาจเลือกกรรมการในอง์กรอิสระ ควรให้มีคนคัดสรรจำนวนมากและมีสัดส่วนตามความรู้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย
"เราอยู่ในมายาว่าต้องปรับโครงสร้างเพื่อทำให้ดีขึ้น แต่ผมว่าไม่ใช่ ผมอยู่ กกต.มาและเฝ้าดูการทำงานเชื่อว่าไม่เป็นแบบนั้น ตราบใดที่คนในองค์กรอิสระยังมีวิธีคิด และวิธีทำงานตามกรอบกฎหมาย ด้วยแนวแบบราชการในอดีต ไม่คิดนอกกรอบ จะไม่มีสิ่งที่ดีขึ้น หากคงความคิดว่าตำแหน่งในองค์กรอิสระเป็นการทำงานหลังวัยเกษียณ ไม่มีอะไรดีขึ้น ปัญหาบ้านเมืองก็แก้ไม่ได้ เช่น กรณีที่หน่วยงานท้องถิ่น จัดทัวร์ไปต่างจังหวัด และตกลงกับบริษัททัวร์ให้จ่ายเงินกับผู้ที่ร่วมทัวร์คนะ 300 บาท กกต.มองว่าเป็นสิ่งที่ผิด เพราะมีการทุจริตโดยวิธีเลี่ยงกฎหมาย แต่เมื่อเรื่องถึง สตง. กลับระบุว่าไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องของบริษัททัวร์ที่ดำเนินการได้ เป็นต้น ส่วนลักษณะทำงานหากกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีสิ่งที่ดีขึ้น เพราะนักการเมืองสามารถหาช่องว่างทางกฎหมายได้ ผมไม่อยากให้องค์กรอิสระเป็นที่ทำงานสุดท้ายของข้าราชการวัยเกษียณ เพื่อให้องค์กรอิสระเป็นองค์กรอิสระไม่ใช่องค์กรของวัยเกษียณ นอกจากนั้นผมอยากได้คนกล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง และกล้ายอมรับคำตัดสินของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งมาทำหน้าที่" นายสมชัย กล่าว
ขอบคุณข่าวจาก