พาณิชย์ชูของขวัญปีใหม่ลดราคาสินค้าทั่วประเทศ
พาณิชย์ชูของขวัญปีใหม่ลดราคาสินค้าทั่วประเทศ 15 ธ.ค. ถึง เดือน ม.ค. ปีหน้า -ลุยปั๊มยอดส่งออก
“พาณิชย์”เดินหน้าทำแพ็คเกจของขวัญปีใหม่ จับมือผู้ผลิตลดราคาสินค้าจำเป็นพร้อมร่วมมือห้าง ร้านค้าลดราคาพร้อมกันทั่วประเทศ ดีเดย์ 15 ธ.ค.ถึงปีใหม่ ยันราคาข้าวเปลือกขายได้ตามเป้า เล็งเสนอ นบข. ขยายวงเงินสินเชื่อเป็น 90 % ของข้าวจูงใจเกษตรกรเก็บข้าวในยุ้งฉาง
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้มอบหมายให้แต่ละกรมไปดำเนินการพิจารณาว่า จะทำอะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อมาจัดทำเป็นแพ็คเกจของขวัญปีใหม่ในนามกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป้าหมายจะเน้นการลดค่าครองชีพ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งทุกกรมจะต้องส่งรายละเอียดภายในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ก่อนที่จะเสนอให้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ รายละเอียดของแพ็คเกจของขวัญปีใหม่ จะเน้นการลดราคาสินค้าให้ต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะรายการที่ประชาชนนิยมใช้สอยมากในชีวิตประจำวัน โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ในการลดราคา การร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆ ในการจัดมหกรรมลดราคาพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไปจนเดือนม.ค.2558 ขณะเดียวกัน จะลดหรือไม่เก็บค่าเข้าร่วมงานฝึกอบรมหรืองานสัมมนาต่างๆ ที่เดิมอาจมีค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะขยายระยะเวลาการให้บริการงานต่างๆ และลดขั้นตอนการให้บริการ เป็นต้น
นางสาวชุติมา กล่าวด้วยว่า ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกนาปี 2557/58 หลังจากที่รัฐบาลได้นำมาตรการต่างๆ มาใช้ พบว่าราคาข้าวชนิดต่างๆ เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 8,500 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ในเป้าหมายตันละ 15,000-16,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 12,000 บาท จากเป้าหมายตันละ 13,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งต่อไป จะเสนอขยายมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและพยุงราคาข้าว โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขยายการให้สินเชื่อแก่เกษตรกร ในอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 90% จากเดิม 80% ของข้าวที่เก็บไว้ในยุ้งฉาง
ในด้านการส่งออก เบื้องต้นปี 2558 ประเมินว่าการส่งออกจะโต 4-5% ซึ่งจะนำตัวเลขนี้ไปหารือกับภาคเอกชนอีกครั้ง ก่อนที่จะสรุปตัวเลขอย่างเป็นทางการ และยังได้มีการพิจารณาว่าจะเร่งทำตลาดในช่วง 3 เดือน 6 เดือนอย่างไร มีสินค้าอะไรบ้าง และตลาดไหนที่จะไปเจาะตลาดเพิ่มขึ้น เพราะนโยบายของรมว.พาณิชย์ ต้องการให้รักษาตลาดเก่า และเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดใหม่
นอกจากนี้ จะเร่งรัดขยายการค้าชายแดนให้ทะลุทะลวงไปยังประเทศต่างๆ ให้ได้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าในปี 2558 ที่จะผลักดันให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นจากประมาณ 9 แสนล้านบาท เป็น 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งจะย้ายสำนักงานของกระทรวงไปอยู่ติดชายแดน เพื่อรองรับการขยายตัวของการค้า การร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี กระทรวงฯ ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด และจากการประเมินพบว่า มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าเพียงเล็กน้อย ไม่ส่งผลให้มีการต้องปรับขึ้นราคาสินค้า กระทบต่อเงินเฟ้อเล็กน้อยเช่นเดียวกัน โดยมั่นใจว่าปีนี้อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ที่ 2.2-2.8%
ขอบคุณข่าวจาก