ป.ป.ช.เชือด 3 นักการเมืองท้องถิ่นทุจริต ใน อบต.
เลขา ป.ป.ช. แถลงผลไต่สวนข้อกล่าวหาทุจริตใน อบต.กุดเลาะ ชัยภูมิ อบต.ชนแดน น่าน อบต.หนองหอย โคราช พบมูลความผิดทางวินัย-อาญา ส่งคดีฟ้องศาล
นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงในการประชุม ป.ป.ช.วันที่ 30 ส.ค.54 ถึงกรณีกล่าวว่ามีการทุจริตใน 3 องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ได้แก่ 1,กรณีกล่าวหานายบุญจันทร์ พรมเดื่อ หัวหน้าส่วนการคลัง อบต.กุดเลาะ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ กับพวกเบียดบังเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่าตั้งแต่ ก.ย.49- ส.ค.50 อบต.กุดเลาะ เบิกเงินภาษีที่ได้รับโอนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาภูเขียว เข้าบัญชีออมทรัพย์ อบต.ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)สาขาเกษตรสมบูรณ์ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายตามข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ซึ่งนายสมศักดิ์ ชนิลกุล นายก อบต. และนายไพฑูรย์ พฤกษพิทักษ์ ปลัด อบต.เป็นผู้ลงนามสั่งจ่ายเช็คให้นายบุญจันทร์ พรมเดื่อ หัวหน้าส่วนการคลัง 20 ฉบับ 9,327,906.34 บาท แต่นายบุญจันทร์ นำเงินเข้าฝากบัญชี ธกส.สาขาเกษตรสมบูรณ์ เพียง 747,160.58 บาท อีก 8,580,745.76 บาท ปลอมลายมือชื่อนายสมศักดิ์ สั่งจ่ายเช็ค 20 ฉบับ ให้แก่ตนเอง แล้วนำไปเบิกเงินสด
คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่าการกระทำของนายสมศักดิ์ และนายไพฑูรย์ มีมูลเป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง แต่เนื่องจากนายสมศักดิ์พ้นจากตาแหน่งแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องถอดถอน ส่วนนายไพฑูรย์ ผู้บังคับบัญชาได้ลงโทษตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือน จึงไม่มีเหตุให้ดำเนินการทางวินัยซ้ำอีกสำหรับนายบุญจันทร์ มีมูลเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง และเป็นความผิดทางอาญา ให้ส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา ส่วนความผิดทางวินัย ได้ถูกไล่ออกจากราชการแล้ว
2.กรณีกล่าวหานายเจตน์ เสารางทอย นายก อบต.ชนแดน อ.สองแคว จ.น่าน เรียกรับเงินจากพนักงาน อบต.ชนแดน เพื่อช่วยเหลือในการประเมินเลื่อนระดับให้สูงขึ้น บรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการใหม่ ขอโยกย้าย และรับส่วนแบ่งจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ(โบนัส) ว่าตามที่ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง พบว่านายเจตน์ เมื่อครั้งดำรงตาแหน่งนายกฯ อบต.ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตหลายประการ
ดังนี้ 1.เรียกรับเงิน 4,000-5,000 บาทจากเจ้าหน้าที่พัสดุ1 อบต.ที่ขอประเมินปรับเลื่อนระดับเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ 2 และ 2.เรียกรับเงิน 30,000 บาทจากผู้สอบบรรจุเข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี1 ที่ได้ขึ้นบัญชีไว้เพื่อรอเรียกบรรจุจากเทศบาล ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อช่วยเหลือในการเรียกบรรจุ 3. เรียกรับเงิน 20,000 บาทจากพนักงานจัดเก็บรายได้ 2 เพื่อให้ความยินยอมโอนไปปฏิบัติหน้าที่ที่ อบต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน 4.เรียกรับเงิน 50,000 บาท จากเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล1 พนักงานเทศบาลเมืองแพร่ จ.น่าน เพื่อรับโอนมาปฏิบัติหน้าที่ที่ อบต.ชนแดน5. เรียกรับเงิน 20,000 บาทจากผู้ช่วยทันตแพทย์1 สังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อรับโอนมาปฏิบัติหน้าที่ที่ อบต.ชนแดน 6. เรียกรับเงิน 60,000 บาทจากนักพัฒนาชุมชน3 อบต.แม่ทะลบ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เพื่อรับโอนมาปฏิบัติหน้าที่ อบต.ชนแดน 7.เรียกรับเงิน 30,000 บาทจากเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้5 อบต.แม่ลา อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรับโอนมาปฏิบัติหน้าที่ที่ อบต.ตาบลชนแดน8. เรียกรับเงิน 10–30 % จากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ(เงินโบนัส) ที่พนักงานส่วนตำบลและลูกจ้าง อบต.ตาบลชนแดนจะได้รับ 5 ราย
ป.ป.ช.พิจารณาว่าการกระทำของนายเจตน์ มีมูลเป็นความผิดทางอาญา จึงมีมติให้ส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดาเนินคดีอาญาในศาล
3. กรณีกล่าวหา นายสมจิตร กลึงกลางดอน นายก อบต.หนองหอย อ.พระทองคา จ.นครราชสีมา เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างงานโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำบ้านพระงาม 40,000 บาท ตามที่ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่าเดือน มิ.ย.50 อบต.หนองหอย ได้ทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจากัดแห่งหนึ่ง ขุดลอกอ่างเก็บน้าบ้านพระงาม หมู่ที่ 14 ในวงเงิน 363,000 บาท
แต่ปรากฏว่าขณะทำการขุดลอกเกิดฝนตกอย่างหนัก ทำให้คั้นดินกั้นน้ำพังทลายน้ำไหลทะลักเข้าพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถขุดลอกได้อีกต่อไป ผู้รับจ้างจึงขอส่งมอบงานและขอเบิกเงินค่าจ้างตามปริมาณงาน
ที่ทำได้จริง คณะกรรมการตรวจการจ้างได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัย จึงเห็นชอบตาม ซึ่งนายสมจิตร ผู้ถูกกล่าวหาเมื่อครั้งดำรงตาแหน่งนายก อบต.ก็ได้พิจารณาเห็นชอบและร่วมลงนามบันทึกต่อท้ายสัญญาจ้าง รวมทั้งได้พิจารณาอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างตามปริมาณงานที่ทำจริง แต่ในการจัดทำเช็คเพื่อเบิกจ่ายเงิน 194,967.61 บาท เมื่อหัวหน้าส่วนการคลังและปลัด อบต.ได้ลงนามในเช็คเรียบร้อยแล้ว แต่นายสมจิตรกลับเรียกร้องเงิน 40,000 บาทจากผู้รับจ้างเพื่อแลกเปลี่ยนกับการลงนามในเช็ค ซึ่งต่อมาผู้รับจ้างได้ร้องทุกข์ต่อตำรวจภูธรภาค 3 และได้มีการวางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมขณะรับเงิน 40,000 บาท
ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายสมจิตร มีมูลเป็นความผิดทางอาญา จึงมีมติให้ส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดาเนินคดีอาญาในศาล .
ที่มาภาพ : http://www.prachatham.com/detail.htm?code=r1_04062009_01