สมชัยโวยแนวคิดยุบกกต.-แขวะรัฐ-สปช.ปฏิรูปตัวเอง
"สมชัย" เตือนรัฐบาล-สปช.จะปฏิรูปอย่าฟังเสียงตัวเองต้องฟังเสียงส่วนรวม
ด้านชาติไทยพัฒนาทำจดหมายเปิดผนึกจี้ สปช.เขียนกติกาอย่ามุ่งกำจัดใคร "ประยุทธ์" อุบส่งใครร่วมยกร่าง รธน. วอนทุกคนกลับบ้านสู้คดี
วานนี้ (18 ต.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง บรรยายพิเศษหัวข้อ "ประสบการณ์ประชาธิปไตยกับกระบวนการเลือกตั้งและการลงประชามติ" ให้แก่ กกต.จังหวัดและผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด 77 จังหวัด ตอนหนึ่งว่า โจทย์ที่สำคัญของการจัดการเลือกตั้งในประเทศไทย หัวใจสำคัญคือการปฏิรูปการเลือกตั้ง รวมทั้งองค์กร กกต.ด้วย
ส่วนแนวทางการปฏิรูป หากฟังจากเสียงของคนจากฝ่ายต่างๆ หรือคนในรัฐบาลเห็นว่า กระบวนการคิดจะออกมาในเชิงลบตลอด ทั้งแบบต้องการลดบทบาทหน้าที่และไม่ให้มี กกต.ด้วยซ้ำ หากความเห็นดังกล่าวออกมาจากฝ่ายการเมืองก็ไม่แปลกใจ แต่ไม่ควรเชียร์ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
แต่หากมาจากคนที่มีความสำคัญในการปฏิรูป ควรเป็นเสียงที่เป็นกลางไม่ใช่ชี้ไปในทางใดทางหนึ่ง ต้องมีการศึกษาหาคำตอบว่า ควรจะปรับปรุงเพิ่มอำนาจหน้าที่หรือลดอำนาจหน้าที่ของ กกต.หรือส่งไปให้ผู้อื่นดำเนินการแทน
"ต้องปฏิรูปเรื่องอำนาจหน้าที่ของ กกต.ต้องคุยกันว่าอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่สามารถได้คนดีมาบริหารประเทศได้หรือไม่ ถ้าจะให้เหลือจัดเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวก็ไม่ต้องมี กกต.ให้ฝ่ายธุรการทำก็ได้" นายสมชัย กล่าว
เขากล่าวด้วยว่า ส่วนบทบาทการกำกับและพิจารณาใบเหลืองใบแดง ถ้า กกต.ไม่มีอำนาจนี้ก็จะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้สุจริตและเที่ยงธรรมได้ ควรเสริมความเข้มแข็งของการให้ใบเหลือง ใบแดง ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งการได้มาของกกต.ทั้ง 5 คนนั้นควรขยายจำนวนคณะกรรมการสรรหาให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดความหลากหลาย ไม่ใช่ให้น้ำหนักกับผู้แทนจากผู้พิพากษาหรืออัยการ
ทั้งนี้ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่อยากให้ กกต.เป็นโจทย์ของสังคม ถ้าอยากปฏิรูปประเทศไทยไม่เพียงแค่ปฏิรูป กกต. แต่อย่างน้อยต้องปฏิรูประบบราชการซึ่งเป็น 1 ใน 11 ด้านของการปฏิรูปทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ที่ผ่านมา กกต.ไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะราชการตกอยู่ภายใต้การกดดันของฝ่ายการเมือง
แนะ"รัฐบาล-สปช."ฟังส่วนรวม
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนที่คิดจะปฏิรูปต้องปฏิรูปตัวเองด้วย กระบวนการคิดของคนที่ปฏิรูปต้องรับฟังความเห็นของส่วนรวม ทั้งรัฐบาลและสปช.อย่าคิดว่าความคิดของตัวเองนั้นดีที่สุด เพราะจะเป็นการปฏิรูปที่หลงทางหรือให้คนที่ทำต้องทำอย่างที่เราคิดไว้ ท้ายที่สุดการปฏิรูปออกมาเป็นอย่างไรก็จะไม่เกิดผล และอนาคตผลของการปฏิรูปย่อมถูกปฏิเสธจากประชาชน จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้บริหารประเทศว่าจะสร้างการยอมรับในผลปฏิรูปได้อย่างไร วันนี้ยังไม่สายที่จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม" นายสมชัย กล่าว
ชทพ.ร่อนจม.จี้สปช.อย่ามุ่งกำจัดใคร
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ทำจดหมายเปิดผนึกถึง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ผ่านทางสื่อมวลชน เพื่อร้องขอให้การทำงานปฏิรูป และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มุ่งไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยตามที่สังคมคาดหวัง รวมถึงวางรากฐานประชาธิปไตยไทยที่เข้มแข็งให้สำเร็จโดยไม่เสียของเหมือนกับการรัฐประหาร 2549 ที่ผ่านมา ดังนั้นการปฏิรูปประเทศรอบใหม่ สปช.ทั้ง 250 คน ต้องมองไปยังคนไทยทั้ง 60 ล้านคนด้วย
"สปช.อย่ามองและแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ด้วยความรู้สึก ต้องใช้เหตุผลและต้องวางใจให้เป็นกลางเป็นธรรม ตัดอคติออกไป และยึดถือหลักปฏิบัติพูดให้น้อยฟังให้มาก ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะออกมาเป็นแบบไหนเป็นเรื่องของอนาคต เป็นกติกาที่ทุกฝ่ายต้องน้อมยอมรับ ขอเพียงแต่ต้องทำให้เป็นกติกาเพื่อคนไทยทุกคน ไม่ใช่มุ่งกำจัดคนใดคนหนึ่ง" นายสมศักดิ์ ระบุในจดหมายเปิดผนึก
"ประยุทธ์"เผยต่างชาติตอบรับดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ที่นครมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ว่า ได้มีโอกาสทักผู้นำทุกคน ก็ไม่เห็นเขารังเกียจอะไร และได้ถามกระทรวงการต่างประเทศทุกคนก็บอกว่าได้รับการตอบรับที่ดี ทุกประเทศได้รับการให้เกียรติอย่างเท่าเทียม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ทำวันนี้คือเราใช้ทุกอย่างแสดงออกด้วยความสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหาและเตรียมการต่อไปในระยะสั้น กลาง ยาว ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการปฏิรูปนั้นมี 3 ระยะหมด ต้องให้เวลาและทำความเข้าใจว่าเราออกมาเพื่ออะไร ซึ่งไม่มีใครได้ทั้งหมด ต้องมีการเฉลี่ยเพื่อให้ได้ความเป็นธรรมนี่คือหลักการของกฎหมาย ผิดคือผิด ถูกคือถูก ส่วนความเท่าเทียมนั้นต้องคุ้มครองคนที่มีรายได้น้อย และให้ความไว้ใจกับคนที่มีรายได้สูง
ปัดแวะดูไบ-อุบชื่อกมธ.ยกร่างรธน.
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการคัดเลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นโควตาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคสช. ฝ่ายละ 5 คน รวมกับประธาน กมธ.ที่มาจากคสช.1 คน นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีใครบ้างนั้นยังไม่เปิดเผยเพราะยังไม่ถึงเวลา ตั้งมาเมื่อไรก็รู้เองแต่คงไม่ไปเป็นเอง ตอนนี้กำลังหาอยู่ โดยมีคณะทำงานหารือกันว่าจะเลือกใครเข้ามาเสริมการทำงาน และไม่ใช่เอาทุกคนมาเป็นพวกอย่างที่พูดกัน
"หากเป็นอย่างนั้นคงไม่ต้องไปตั้งสภาฯ ไม่ต้องมี สนช.ไม่ต้องมีการปฏิรูป ที่บอกว่าเป็นพวก คสช.นั้นบางคนยังไม่รู้จัก ไม่เคยคุย ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ เรื่องนี้มีขั้นตอนก็ควรให้ 250 คน ไปคิดตกลงกันให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เขากล่าวว่า ไม่ใช่รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วไม่รับผิดชอบไม่ได้ ส่วนการปฏิรูปมีขั้นตอนไว้แล้วว่าต้องทำอย่างไร และจะไม่เขียนอะไรที่ถอยหลังแน่นอนจะเขียนในเรื่องที่จะทำให้ยั่งยืนวันข้างหน้า และขอย้ำว่าการปฏิรูปต้องใช้เวลาไม่ใช่ทำวันเดียวแล้วเสร็จ
วอนทุกคนกลับบ้านสู้คดี
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถึงการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ตอนหนึ่งว่า มีความเป็นห่วงเรื่องความสงบในประเทศ ซึ่งทุกประเทศมีปัญหาน้อยมาก จึงขอร้องว่าให้หยุดกัน ขอให้รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาประเทศเพื่ออนาคตลูกหลานดีกว่า ทะเลาะ ต่อต้านกันไปก็ไม่มีประโยชน์
"ใครจะมาต่อต้านผม ผมก็อดทน เพราะเป็นผู้แทนของคนไทย พร้อมให้โอกาสเสมอ ทุกคนกลับบ้านได้หมด มาต่อสู้คดี ถ้าไม่ผิดก็ไม่ผิด ใครจะไปเอาผิดได้ การกล่าวอ้างกันว่าไม่ผิดถูกรังแก มันไม่ใช่ ผมอยากใช้ความเป็นคนไทย เป็นรัฐบาลขณะนี้เรียกร้องให้ทุกคนกลับบ้าน ลำบากอยู่เมืองนอก ไม่มีความสุข ให้กลับมาเพราะกระทรวงยุติธรรมก็ดูแลอยู่ และผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเลย เพราะเราใช้อำนาจในทางสร้างสรรค์ จะใช้เต็มอำนาจไม่ได้มันมากเกินไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หนุน"ทัศนา"นั่งรองปธ.ฝ่ายหญิง
วันเดียวกัน สมาคมติดตามการพัฒนาสตรีในประเทศไทย (Thai Women Watch) ที่มี คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ เป็นนายกสมาคมฯ ร่วมจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงความยินดีและพบปะสังสรรค์ สมาชิก สปช.หญิง ที่ตอบรับเข้าร่วมงาน 12 คน จากทั้งหมด 37 คน อาทิ นางนีรวรรณ จินตกานนท์ นางอรพิน สพโชคชัย นางตรึงใจ บูรณสมภพ นางสาวรสนา โตสิตระกูล เป็นต้น
นางนรีวรรณ กล่าวว่า มีหลายประเด็นการปฏิรูปด้านสตรีที่ต้องผลักดัน โดยในเดือน ก.พ.2558 สมาคมฯ จะจัดงานเพื่อระดมความเห็นและจัดทำเป็นข้อเสนอต่อ สปช.ต่อไป ส่วนกรณีการประชุมวันที่ 21 ต.ค.เพื่อเลือกประธานและรองประธาน สปช. นั้น ยอมรับว่าโควตาของรองประธานจะเป็นสตรี 1 ตำแหน่ง หลังจากที่ สปช.หญิงได้ส่งสัญญาณไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องและได้ข้อสรุปคือไม่ขัดข้อง ส่วนชื่อของนางทัศนา บุญทอง สปช.ด้านการศึกษา ที่สื่อมวลชนนำเสนอว่าจะได้รับเลือกเป็นรองประธาน สปช.ส่วนตัวยอมรับได้และไม่ขัดข้อง
นายคำนูณ สิทธิสมาน สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวถึงการตั้งกรรมการยกร่างข้อบังคับการประชุม หลังจากเลือกประธานและรองประธาน สปช.ว่า ภายในข้อบังคับที่จะกำหนดถึงกรรมาธิการปฏิรูปด้านต่างๆ รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดรับกับการเลือก สปช. ตัวแทนไปเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่าจะใช้ในสัดส่วนของกรรมาธิการด้านต่างๆ หากรายละเอียดของข้อบังคับการประชุมไม่แล้วเสร็จโดยเร็วอาจส่งผลกระทบต่อการเลือก สปช.ไปเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งการหารือเพื่อตั้งกรรมการเฉพาะกิจเพื่อทำเรื่องเร่งด่วนและสำคัญในสถานการณ์พิเศษ สามารถผ่อนปรนการนำข้อบังคับหรือกติกาอื่นๆ มาใช้ในกรณีนี้ได้

