ไขปริศนา? ยึดทรัพย์“จอมพลถนอม” ก.คลังเสียบถือหุ้นบ.สกุล“กิตติขจร”
“ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รัฐบาลมีมติให้ยึดทรัพย์คุณตา (จอมพลถนอม) บริษัทนี้จึงโดนร่างแหไปด้วย กระทรวงการคลังเข้ามายึดหุ้นของคุณยาย (คุณหญิงจงกล) กับคุณลุง (พ.อ.ณรงค์) ไปหมด”
นอกเหนือไปจากการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัท สุพงศา จำกัด จำนวน 6 ครั้ง 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทในครอบครัวของคุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2557 บุตรีรองสุดท้องจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยนายก้องศักดิ์ ยอดมณี บุตรชายคุณหญิงทรงสุดา ออกมาชี้แจงว่า บริษัทนี้ทำธุรกิจให้เช่าอาคารเก่า และหมู่บ้านเล็ก ๆ โดยการปล่อยเงินกู้ดังกล่าว ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
(อ่านประกอบ : “ลูกคุณหญิงทรงสุดา”ยันปล่อยกู้บ.ตัวเองทำตามกม.-“แม่”ไม่สบายใจ)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท สุพงศา จำกัด ระบุวัตถุประสงค์ดำเนินธุรกิจว่า ประกอบกิจการซื้อ ขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน เช่า ให้เช่า เช่าช่วง ให้เช่าช่วง เช่าซื้อ จำนอง จัดสรร เข้าเป็นเจ้าของ เข้าครอบครองไม่ว่าด้วยประการใด ๆ หรือร่วมถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วม ซึ่งที่ดิน อาคาร บ้าน โรงเรียน อาคารชุด ห้องชุด อาคารสงเคราะห์ แฟลต สิ่งปลูกสร้างอื่น ทรัพย์สินติดกับที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นใด ตลอดจนเข้าครอบครอง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองทำประโยชน์หรือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
ขณะที่ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ระบุว่า บริษัทตกลงทำสัญญาร่วมทุนและแบ่งปันรายได้ค่าเช่าห้องพักในโครงการแฟลตถกลสุขตามหนังสือสัญญาลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2549 ภายใต้ข้อตกลงคือ
1.บริษัทตกลงให้สิทธิในการใช้อาคารและสิทธิในการใช้และดูแลที่ดินบริเวณแฟลตถกลสุข แก่ผู้ร่วมทุนแต่เพียงผู้เดียว
2.ผู้ร่วมทุนตกลงจะรับผิดชอบดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารแฟลตถกลสุข ซึ่งประกอบด้วยไปด้วยห้องพัก 13 ห้อง สถานที่ทำงาน 1 ห้องให้อยู่ในสภาพดี โดยผู้ร่วมทุนเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด
3.ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารแฟลตถกลสุขเสร็จสิ้น และแฟลตถกลสุขมีรายได้จากค่าเช่าห้อง บริษัทตกลงให้ผู้ร่วมทุนได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอัตราร้อยละ 97 ของรายได้ทั้งหมด โดยบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอัตราร้อยละ 3 ของรายได้ทั้งหมด และหลังจากปีที่ 5 บริษัท ถกลสุข จะได้รับส่วนแบ่งของรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 5 ของรายได้ทั้งหมด
สำหรับบริษัท ถกลสุข จำกัด นางนงนาถ เพ็ญชาติ (สกุลเดิม กิตติขจร) บุตรคนโตจอมพลถนอม เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2506 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจเพื่อทำการก่อสร้างอาคาร รับทำที่พักอาศัย ค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภค
มีผู้ถือหุ้นตอนก่อตั้ง 7 คน คุณหญิงจงกล กิตติขจร (ภรรยาจอมพลถนอม) ถือหุ้นเยอะสุด 30 หุ้น นางนงนาถ 10 หุ้น พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร 15 หุ้น นางนงนุข จิรพงศ์ 10 หุ้น ร้อยตรี ยุทธพงศ์ กิตติขจร (ยศขณะนั้น) 15 หุ้น น.ส.ทรงสุดา กิตติขจร (อายุ 19 ปี) 10 หุ้น และน.ส.ทรงสมร กิตติขจร (อายุ 17 ปี) 10 หุ้น (สำหรับ น.ส.ทรงสุดา และ น.ส.ทรงสมร มีจอมพลถนอมเป็นผู้ดำเนินการแทนทั้งหมด) หุ้นละ 10,000 บาท มีกรรมการบริษัท 3 คน คือ คุณหญิงจงกล นางนงนาถ และพันตรีหลวงจบกระบวนยุทธ (แช่ม กระบวนยุทธ)
อย่างไรก็ดี ที่น่าสนใจคือ ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2518 กระทรวงการคลัง ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าว โดยถือทั้งหมด 45 หุ้น ขณะที่นางนงนาถ ถือ 17 หุ้น พล.อ.อ.ยุทธพงศ์ 15 หุ้น คุณหญิงทรงสุดา 10 หุ้น คุณหญิงทรงสมร 10 หุ้น นายเสรณี เพ็ญชาติ 1 หุ้น น.ส.นิภานันท์ เพ็ญชาติ 1 หุ้น และนายณัฐชนา เพ็ญชาติ 1 หุ้น โดยหุ้นในส่วนของคุณหญิงจงกล และ พ.อ.ณรงค์ หายไป
คำถามคือ กระทรวงการคลัง เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าวได้อย่างไร ?
“ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รัฐบาลมีมติให้ยึดทรัพย์คุณตา (จอมพลถนอม) บริษัทนี้จึงโดนร่างแหไปด้วย กระทรวงการคลังเข้ามายึดหุ้นของคุณยาย (คุณหญิงจงกล) กับคุณลุง (พ.อ.ณรงค์) ไปหมด”
เป็นคำยืนยันจากปากของ นายก้องศักดิ์ ยอดมณี บุตรชายของคุณหญิงทรงสุดา หลานจอมพลถนอม ที่เล่าถึงเหตุการณ์ภายหลังจอมพลถนอม และคอรบครัว ถูกยึดรัฐบาลสั่งยึดทรัพย์สิน
“เราโดนยึดทรัพย์สินหมดเลย แม้ว่าภายหลังคณะรัฐมนตรีชุดอื่นจะมีมติอะไรต่าง ๆ ให้คืนทรัพย์สินแก่ครอบครัวผม แต่ก็คืนไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่จริงมีมติให้คืน เพราะเขาอ้างว่าตอนยึดทรัพย์ออกเป็นกฎหมาย พอจะคืนก็ต้องออกเป็นกฎหมายด้วย”
“ภายหลังการยึดทรัพย์ ก็ได้สอบสวนแล้ว ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า บริษัทนี้ซื้อด้วยเงินตัวเองโดยใส่ชื่อคุณยาย แต่เขาก็ไม่คืนให้ และที่ครอบครัวผมไม่มีบ้าน กับที่ดิน ก็ไม่มีจริง ๆ เพราะบ้านคุณพ่อ คุณแม่ ผมก็โดนยึดไปด้วย ตอนนี้ก็ต้องเช่าเขาอยู่บ้านของตัวเอง”
ทั้งหมดนี้คือเบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ยึดทรัพย์สกุล “กิตติขจร” ภายหลัง 14 ตุลาคม 2516 โดยมีฝ่ายที่เกี่ยวข้องพัวพันกับ “จอมพลถนอม” ติดร่างแหไปด้วยทั้งหมด
ส่วนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ “มหาวิปโยค” จะเป็นเช่นไร คำตอบของแต่ละฝ่าย แปะหราอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไว้หมดแล้ว !
อ่านประกอบ :
โชว์สัญญาปล่อยกู้บ.ตัวเอง10ล.-ลูกจอมพลถนอมยัน"พ่อ"มีคุณูปการต่อปท.
เจาะถุงเงิน 32 ล.“คุณหญิงทรงสุดา” บุตรี“จอมพลถนอม”ก่อนผงาดนั่งสนช.