โชว์สัญญาปล่อยกู้บ.ตัวเอง10ล.-ลูกจอมพลถนอมยัน"พ่อ"มีคุณูปการต่อปท.
เปิดหมดสัญญาปล่อยกู้ บ.สุพงศา 6 ครั้ง 10 ล้าน “คุณหญิงทรงสุดา-ร้อยโทสุวิทย์” แบ่งเป็น 3 ช่วง ปี 2549-2552-2554 “สามี”เซ็นจ่าย “ญาติ-ตัวเอง” เซ็นรับ หนี้ช่วง ก.ค.52 4.6 ล้านหายปริศนา – ปัดแจงรายละเอียด ลั่น “คุณพ่อ” เป็นผู้ทำคุณงามความดีแก่ชาติในช่วงนั่งนายกฯ
ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2557 บุตรีของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า ตนและร้อยโทสุวิทย์ ยอดมณี คู่สมรส ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัท สุพงศา จำกัด รวมเป็นเงินนับ 10 ล้านบาท
(อ่านประกอบ : เจาะถุงเงิน 32 ล.“คุณหญิงทรงสุดา” บุตรี“จอมพลถนอม”ก่อนผงาดนั่งสนช.)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯของคุณหญิงทรงสุดา ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สนช. เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แจ้งว่า ตนและร้อยโทสุวิทย์ ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัท สุพงศา จำกัด 6 ครั้ง ในช่วงปี 2549 1 ครั้ง 7 แสนบาท ปี 2552 3 ครั้ง 7,673,000 บาท และปี 2554 ครั้ง 2 ล้านบาท รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 10,373,000 บาท
จากการตรวจสอบสัญญาเงินกู้ทั้ง 6 ฉบับ พบรายละเอียดดังนี้
1.สัญญากู้เงิน วันที่ 14 กรกฎาคม 2549 ระบุว่า ทำขึ้นระหว่างบริษัท สุพงศา จำกัด โดยน.ส.สุพัณณิกา โกมารทัต กรรมการผู้มีอำนาจผูกพันบริษัท ผู้กู้ และ ร้อยโทสุวิทย์ เป็นผู้ให้กู้ โดยผู้กู้ได้เงินจากผู้ให้กู้จำนวน 7 แสนบาท และจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี พร้อมจะชำระหนี้ตามสัญญาฉบับนี้ให้ครบถ้วน หลังจากบริษัทฯ มีรายได้กำไรจากการดำเนินงาน
2.สัญญากู้เงิน วันที่ 6 มกราคม 2552 ระบุว่า ทำขึ้นระหว่างบริษัท สุพงศา จำกัดโดยน.ส.สุพัณณิกา ผู้กู้ และ ร้อยโทสุวิทย์ เป็นผู้ให้กู้ โดยผู้กู้ได้เงินจากผู้ให้กู้จำนวน 1 ล้านบาทและจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี พร้อมจะชำระหนี้ตามสัญญาฉบับนี้ให้ครบถ้วน หลังจากบริษัทฯ มีรายได้กำไรจากการดำเนินงาน
3.สัญญากู้เงิน วันที่ 30 มกราคม 2552 ระบุว่า ทำขึ้นระหว่างบริษัท สุพงศา จำกัดโดยน.ส.สุพัณณิกา ผู้กู้ และ ร้อยโทสุวิทย์ เป็นผู้ให้กู้ โดยผู้กู้ได้เงินจากผู้ให้กู้จำนวน 2 ล้านบาท และจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตรร้อยละ 6 ต่อปี พร้อมจะชำระหนี้ตามสัญญาฉบับนี้ให้ครบถ้วน หลังจากบริษัทฯ มีรายได้กำไรจากการดำเนินงาน
4.สัญญากู้เงิน วันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ระบุว่า ทำขึ้นระหว่างบริษัท สุพงศา จำกัดโดยน.ส.สุพัณณิกา ผู้กู้ และ คุณหญิงทรงสุดา เป็นผู้ให้กู้ โดยผู้กู้ได้เงินจากผู้ให้กู้จำนวน 4,673,000 บาท และจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตรร้อยละ 6 ต่อปี พร้อมจะชำระหนี้ตามสัญญาฉบับนี้ให้ครบถ้วน หลังจากบริษัทฯ มีรายได้กำไรจากการดำเนินงาน
5.สัญญากู้เงิน วันที่ 30 ตุลาคม 2554 ระบุว่า ทำขึ้นระหว่างร้อยโทสุวิทย์ ผู้ให้กู้ และบริษัท สุพงศา จำกัด โดยคุณหญิงทรงสุดา กรรมการผู้มีอำนาจผูกพันบริษัท ผู้กู้ โดยผู้กู้ได้รับเงินจากผู้ให้กู้ 3 งวด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2549 7 แสนบาท, เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2552 1 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2552 2 ล้านบาท รวมกู้เงินจำนวน 3.7 ล้านบาท
ผู้กู้ได้ชำระเงินกู้ให้แก่ผู้ให้กู้มาแล้วทั้งหมด 29 งวด เป็นเงินจำนวน 1,770,000 บาท ก่อนวันทำสัญญาฉบับนี้ จึงมียอดเงินที่ต้องชำระคืนทั้งสิ้น 1,930,000 บาท และในวันทำสัญญาฉบับนี้ ผู้กู้ได้กู้เงินจากผู้ให้กู้จำนวน 1 ล้านบาท (รวมยอดค้างชำระ 2,930,000 บาท-ผู้เขียน)
ผู้กู้ตกลงจะชำระเงินให้แก่ผู้ให้กู้ เดือนละ 1.2 แสนบาท ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2554 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินกู้ครบถ้วนตามสัญญา (อาจตกลงเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละเดือนในภายหลัง) และจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี
6.สัญญากู้เงิน วันที่ 30 ธันวาคม 2554 ทำขึ้นระหว่างร้อยโทสุวิทย์ ผู้ให้กู้ และบริษัท สุพงศา จำกัด โดยคุณหญิงทรงสุดา ผู้กู้ โดยผู้กู้ได้กู้เงินมาจากผู้ให้กู้ 4 งวด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2549 7 แสนบาท, เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2552 1 ล้านบาท, เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2552 2 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2554 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4.7 ล้านบาท
ผู้กู้ได้ชำระเงินให้แก่ผู้ให้กู้มาแล้วทั้งหมด 30 งวด เป็นเงิน 1,890,000 บาท ก่อนวันทำสัญญาฉบับนี้ จึงมียอดเงินที่ต้องชำระคืนทั้งสิ้น 2,810,000 บาท และในวันทำสัญญาฉบับนี้ผู้กู้ได้กู้เงินจากผู้ให้กู้จำนวน 1 ล้านบาท (รวมยอดค้างชำระ 3,810,000 บาท-ผู้เขียน)
ผู้กู้ตกลงจะชำระเงินกู้ให้แก่ผู้ให้กู้เดือนละ 1 แสนบาท ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2555 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินกู้ครบถ้วนตามสัญญา (อาจตกลงเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละเดือนในภายหลัง) และจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี
น่าสังเกตว่า ในช่วงปี 2554 ที่ทำสัญญาเงินกู้เพิ่มอีก 2 ฉบับนั้น ระบุยอดเงินกู้เพียง 4 งวด โดยไม่นับยอดเงินกู้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ที่คุณหญิงทรงสุดา เป็นผู้ให้กู้ จำนวนเงิน 4,673,000 บาท แต่อย่างใด และไม่ได้รวมอยู่ในยอดที่ชำระคืนไปแล้วอีกด้วย
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท สุพงศา จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2549 ทุนจดทะเบียน 5 แสนบาท ประกอบกิจการซื้อขาย เช่า จำนอง เข้าเป็นเจ้าของ หรือร่วมถือกรรมสิทธิ์ในอาคาร ที่ดินต่าง ๆ มีคุณหญิงทรงสุดา และ น.ส.สุพัณณิกา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ระบุว่า นายสุวงศ์ ยอดมณี (บุตรชายคนโต) ถือหุ้นใหญ่สุด 1,300 หุ้น นายก้องศักดิ์ ยอดมณี (บุตรชายคนรอง) 1,299 หุ้น นายจักรา ยอดมณี (บุตรชายคนเล็ก) 1,299 หุ้น คุณหญิงทรงสุดา 1,000 หุ้น ร้อยโทสุวิทย์ 100 หุ้น นายกรกาจ กิตติขจร 1 หุ้น และนางประดับ ผิวดำ 1 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท)
สำหรับ น.ส.สุพัณณิกา แจ้งจดทะเบียนสมรสกับนายจักรา ยอดมณี เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2554
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 คุณหญิงทรงสุดา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการปล่อยกู้ให้กับบริษัทของตัวเอง ไม่ขอชี้แจงรายละเอียด
“ส่วนเรื่องทรัพย์สินคุณพ่อไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น สื่อสมัยก่อนที่เอามาเขียนก็มั่วข้อมูลขึ้นมา คุณพ่อของดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีที่สร้างคุณงามความดีไว้กับประเทศชาติไว้มากมาย ท่านมีคุณูปการอย่างสูงกับประเทศไทยในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี” คุณหญิงทรงสุดา กล่าว