"จักรทิพย์"เชื่อ"เสี่ยโจ้"เผ่นนอก-ป้องตร.รู้เห็น ยันมีหมายจับคดีค้าน้ำมันเถื่อน
ว่าที่รองผบ.ตร. "จักรทิพย์ ชัยจินดา" คาด "เสี่ยโจ้" ใช้เส้นทางทะเลเผ่นออกนอกประเทศไปแล้ว ป้องตำรวจ เชื่อไม่มีรู้เห็นหรือรับเงินแล้วปล่อยให้หนี โชว์ออกหมายจับนักธุรกิจคนดังพร้อมพวกร่วมค้าน้ำมันเถื่อน
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง (มค.) เป็นนายตำรวจระดับสูงคนแรกที่ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นักธุรกิจผู้กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลบหนีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือนของศาลจังหวัดปัตตานี ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการและดวงตราประทับเข้าเมือง โดยมีตำรวจยศ "ร้อยตำรวจตรี" ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนายสหชัย จนถูกศาลสั่งจำคุก 6 เดือนฐานละเมิดอำนาจศาล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ต.ค.57 ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เร่งติดตามจับกุมนายสหชัย แต่เชื่อว่าน่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว และน่าเป็นการหลบหนีโดยใช้เส้นทางทะเล จึงสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้างหรือไม่ หากพบมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นจะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด เบื้องต้นยังเชื่อว่าเป็นเหตุเฉพาะหน้า ตำรวจคงไม่ได้ปล่อยให้หลบหนีหรือรับเงินอย่างที่มีข่าว
ทั้งนี้ ในการประชุมมอบนโยบายงานด้านความมั่นคงในความรับผิดชอบ จะมีการหารือเกี่ยวกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย ซึ่งชื่อของ นายสหชัย ก็อยู่ในบัญชีกลุ่มเป้าหมาย ที่ผ่านมาเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายเรื่องของน้ำมันเถื่อนอยู่แล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ยังได้ขออนุมัติจากศาลออกหมายจับนายสหชัย และผู้ต้องหาอื่นรวม 8 คนในข้อหาค้าน้ำมันเถื่อนไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย
สำหรับหมายจับดังกล่าว สืบเนื่องจากคดีอาญาที่ 1686/2555 (สภ.เมืองสงขลา) ตามคำสั่ง ตร.ที่ 450/2557 ลงวันที่ 21 ส.ค.2557 ออกโดยศาลจังหวัดสงขลา มีรายชื่อผู้ต้องหา 5 คน ได้แก่ นายประเชิญ แก้วพิจิตร, นายบุญเกิด มะณี, นายสมจิตร์ เสาร์นอก, นายพร สายนคร และนายมวน แสวงสุข โดยมีรายงานว่า นายประเชิญ มีอาชีพเป็นไต้ก๋งเรือ
ต่อมาศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ได้อนุมัติหมายจับเพิ่มเติมอีกจำนวน 8 คน เมื่อวันที่ 19 ก.ย.57 ได้แก่ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้, นางอัญญมาลย์ ชาวไร่อ้อย น.ส.แตงไทย บ้านมะหิงษ์, น.ส.ปริญญาภรณ์ เจียรเสริมสิน, นายฉัตรชัย บ้านมะหิงษ์, นางลดาวรรณ ธนูสังข์, นางศิริวรรณ สมบูรณ์ และนางสีอรุณ อินทรยง
ฐานความผิด คือ ร่วมกันนำหรือพาน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลที่ยังมิได้เสียภาษี ยังมิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร เข้ามาในราชอาณาจักร, ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรฯ, ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง หรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้า โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน, ร่วมกันมีและใช้มิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันโดยไม่มีเครื่องหมายรับรอง ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศุลกากร พ.ศ.2535 พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2527 และประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนั้นยังมีข้อหาตาม พ.ร.บ.มาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ.2542 พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 และร่วมกันฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ.2485 (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2527 ประกอบกฏกระทรวงฉบับที่ 25 (พ.ศ.2550 ) ลงวันที่ 19 ก.ย.2550 ด้วย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายสหชัย เคยถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นสำนักงาน คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ตั้งอยู่ที่ ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี หลายครั้ง แม้จะพบหลักฐานหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยสามารถแจ้งข้อหาดำเนินคดีนายสหชัยฐานค้าน้ำมันเถื่อนได้เลย การถูกออกหมายจับครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงหลบเลี่ยงภาษี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก