เบื้องหลัง“ชัชวาลย์”นั่งปลัดตราชั่ง หมากเกม"บิ๊กตู่"เคาะเลือก เบอร์1 ดีเอสไอ?
"..จากนี้ไปต้องติดตามว่า “บิ๊กตู่” จะเลือกใช้บริการใครมาคุม “ดีเอสไอ” ถ้าหากเป็น “พล.ต.ท.อำนวย” จะมุ่งหมายการรื้อคดีสลายการชุมนุมปี 2553 มาจัดทำสำนวนคดีกันใหม่ แต่ถ้าเลือก “พล.ต.อ.เอก” คงเพื่อหวังผลทางการเมือง.."
ในที่สุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ก็มีมติแต่งตั้ง “พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม
หลังมีกระแสข่าวออกมาว่าระยะหลัง “ชาญเชาว์ ไชยานุกิจ” รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจาก “พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะมาแรงแซงเข้าวิน
แต่สุดท้ายก็ต้องหลีกทางให้ “พล.ต.อ.ชัชวาลย์” ตามโผเดิม
ส่งผลให้ “ชาญเชาว์” อกหักทั้งที่ได้รับแรงหนุนจาก “ข้าราชการ” ในกระทรวงยุติธรรมแบบล้นพ้น
กรณีนี้ เป็นบทพิสูจน์สัญญาใจที่เคยให้ไว้กับ “บิ๊กรัฐบาล” ที่ยอมหลีกทางให้ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แบบนอนมา ทั้งที่ “พล.ต.อ.ชัชวาลย์” มีลำดับอาวุโสที่เหนือกว่า
ว่ากันว่า “พล.ต.อ.ชัชวาลย์” มั่นใจว่าจะได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมมากถึงขนาดยอมทิ้งงานที่ “ดีเอสไอ” เกือบทั้งหมด เหลือแค่รับผิดชอบงานด้านการค้ามนุษย์เพียงอย่างเดียว
หน่ำซ้ำยังมีกระแสข่าวออกมาตลอดว่า “พล.ต.อ.ชัชวาลย์” แทบที่จะไม่ได้เข้าไปทำงานที่ “ดีเอสไอ” มากเท่าไรนัก
ชื่อของ “พล.ต.อ.ชัชวาลย์” ที่ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ถือเป็น “ตำรวจ” คนแรกที่เข้ามาคุมกระทรวงตราชั่ง จากนี้จึงต้องพิสูจน์ฝีมือว่ามีดีมากน้อยแค่ไหน และเป็นที่ยอมรับมากน้อยเพียงใด
อีกเก้าอี้หนึ่งที่ว่างลงทันทีคือ “อธิบดีดีเอสไอ” ที่ตอนนี้กระแสล่ามาแรงคงหนีไม่พ้นชื่อของ “พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน” ที่เพิ่งรับตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1” มาหมาดๆ
แต่ก็มีการยืนยันว่า “พล.ต.ท.อำนวย” ต้องการย้ายมานั่ง “เบอร์หนึ่งดีเอสไอ” เพียงแต่ที่ต้องรับตำแหน่ง “ผบช.ภ.1” เพราะต้องการปรับเลื่อนยศขึ้นชั้นเป็น “พล.ต.ท.” ก่อน เพราะหากข้ามห้วยมา “ดีเอสไอ” ยศของ “บิ๊กนวย” ก็จะหยุดอยู่ที่ “พล.ต.ต.”
เข้าตำราน้ำขึ้นให้รีบตัก ขอปรับเลื่อนยศกินตำแหน่งกันก่อนที่จะมารับตำแหน่งใหม่
ต้องยอมรับว่า “ดีเอสไอ” เป็นหน่วยงานที่มีขอบเขตอำนาจระบุไว้อย่างกว้างขวาง สามารถเรียกคดีที่ “คณะกรรมการคดีพิเศษ” เห็นว่าต้องใช้กลไกของ “ดีเอสไอ” เข้าไปสอบสวน ก็สามารถดึงคดีมาดำเนินการสอบสวนได้ทันที
โดยเฉพาะในยุคของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเคยตีความว่าสามารถดึงคดีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางธุรกรรมทางการเงิน ในช่วงการชุมนุมของ “กปปส.” มาดำเนินคดีได้ ทั้งที่การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน อยู่ในอำนาจของ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน” (ปปง.) มากกว่า
หาก “พล.ต.ท.อำนวย” เข้ามาคดีที่รอให้สะสางอยู่มีล้นมือ
ซึ่งเหตุผลที่ “พล.ต.ท.อำนวย” ต้องการย้ายมา “ดีเอสไอ” อย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้นการรื้อคดีการชุมนุมของ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) เมื่อปี 2553 ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง
เพราะในช่วงที่ “ธาริต” ชงเรื่องให้ “อัยการ” สั่งฟ้อง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีว” และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) คดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง “ศาลอาญา” ได้ยกฟ้องคดีดังกล่าวไป โดยระบุว่าเป็นอำนาจของ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
ดังนั้นคดีการสลายการชุมนุมคงต้องรื้อกันใหม่เกือบทั้งหมด
และหากจำกันได้ในปี 2553 “พล.ต.ท.อำนวย” เคยเป็นหนึ่งใน “คณะทำงานศอฉ.” ในฐานะรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยในขณะนั้น “พล.ต.ท.อำนวย” ได้นำกำลังตำรวจจับอาวุธของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” พร้อมแถลงข่าวที่กรมทหารราบที่ 11 หลายครั้ง
ดังนั้นหาก “พล.ต.ท.อำนวย” ได้ย้ายข้ามห้วยมาคุม “ดีเอสไอ” สมดั่งใจหวัง
คดีที่ต้องจับตามองมากที่สุดคดีหนึ่งคือ การสลายการชุมนุม “กลุ่มคนเสื้อแดง”
เพราะอย่าลืมว่ายังมีคดีที่ “ธาริต” เคยสั่งฟ้องชายชุดดำค้างไว้อยู่เหมือนกัน
เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้น-อำนาจเปลี่ยนมือ หาก “บิ๊กนวย” เข้ามารือคดีงานนี้ “แกนนำคนเสื้อแดง” คงหนาวๆร้อนๆเหมือนกัน
ทว่าสูตรการแต่งตั้ง “อธิบดีดีเอสไอ” ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว
เพราะมีกระแสข่าวอีกทางหนึ่งว่า มีตำรวจบางกลุ่มพยายามสกัด “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” รองผบ.ตร. ออกจากเส้นทางการขึ้นเป็น “ผบ.ตร.” ต่อจาก “พล.ต.อ.สมยศ” ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2558
วิธีสกัด “พล.ต.อ.เอก” คือการย้ายพ้นตำรวจรองผบ.ตร. มาดำรงตำแหน่ง “อธิบดีดีเอสไอ” นั่นเอง
งานนี้ “พล.ต.อ.เอก” คงไม่ยอมง่าย เพราะเส้นทางขึ้น “เบอร์หนึ่งสีกากี” รออยู่ตรงหน้า คงไม่มีใครอยากมานั่งตำแหน่ง “อธิบดีดีเอสไอ” แน่นอน
จากนี้ไปต้องติดตามว่า “บิ๊กตู่” จะเลือกใช้บริการใครมาคุม “ดีเอสไอ” ถ้าหากเป็น “พล.ต.ท.อำนวย” จะมุ่งหมายการรื้อคดีสลายการชุมนุมปี 2553 มาจัดทำสำนวนคดีกันใหม่ แต่ถ้าเลือก “พล.ต.อ.เอก” คงเพื่อหวังผลทางการเมือง
จับตาการวางคน-วางตำแหน่งของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ให้ดี เพราะทุกฝีก้าวคือหมากการเมืองที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก google