เวทีถาม-ตอบปฎิรูปพลังงาน ถกเดือด "ด่าทอ โห่ เห่า หอน" เพียบ!
เวทีพลังงานเดือด ปตท. ภาคประชาชน ถกข้อมูลโต้อย่างดุเดือด รสนา-วีระ-ปิยสวัสดิ์ ไม่ยอมแพ้กัน
วันที่ 24 กันยายน ที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ มีการจัดเสวนา "การปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืนในอนาคต” ซึ่งมีการถาม-ตอบปฎิรูปพลังงานเพื่อทิศทางของประเทศ นี้มีตัวแทนจากหลายฝ่ายด้วยกัน อาทิ ตัวแทนจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ ปตท. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ดร.คุรุจิต นาครทรรพ กรรมการ ปตท.และนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เป็นต้น
ขณะที่ตัวแทนจากภาคประชาชน ประกอบด้วย นางสาวรสนา โตสิตระกูล ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายวีระ สมความคิด โดยมีหลวงปู่พุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เป็นผู้ดำเนินรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตั้งแต่เช้า มีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด โดยทั้งสองฝ่ายต่างตั้งคำถาม-ตอบ โต้กันไปมา รวมถึงเกิดเหตุการณ์ผู้เข้าร่วมเสวนาโห่ร้องกันระหว่างพูดคุยกันบนเวที
ทั้งนี้ประเด็นร้อนที่น่าสนใจในช่วงแรกอดีตส.ว.รสนาโชว์ภาพกราฟฟิกในงานเสวนา โดยเป็นการคำนวณตัวเลขจากข้อมูลในรายงาน 56-1 ของปตท.ที่ส่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2544-2556 ขึ้นมาเป็นการเปรียบเทียบ การเก็บเงินค่าผ่านท่อของปตท. เทียบกับค่าเช่าท่อก๊าซที่ปตท.จ่ายให้รัฐ ในราคาาถูก แต่การเก็บค่าผ่านท่อจากประชาชนสูงเมื่อเทียบกับค่าเช่าที่รัฐได้สูงกว่ากัน มากกว่า 7,000%
พร้อมกับตั้งคำถามแรกถึงนายปิยสวัสดิ์ กรณีค่าผ่านทางท่อก๊าซบนบกนี้ ซึ่งนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร โต้กลับทันทีภายหลังนางสาวรสนาถาม โดยตอบว่า “ ราคาค่าผ่านทางนั้นถูกกำหนดโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ กกพ. ไม่ใช่ ปตท.เป็นผู้กำหนดและค่าผ่านท่อไม่ได้เป็นส่วนหลักของต้นทุนของค่าไฟฟ้าแต่อย่างใด”
ด้านนายปานเทพ และนายวีระ ได้ถามฝ่าย ปตท.ถึงกรณีกองทุนน้ำมันอนุรักษ์พลังงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนขึ้นโดยมีเนื้อหาการพูดคุยว่า
นายปานเทพ : กองทุนน้ำมันและกองทุนอนุรักษ์พลังงานเป็นเป้าหมายที่พวกเราจะตั้งคำถามตามลำดับที่ 8-15 โดยถามว่า ถ้าเราสามารถทำกองทุนน้ำมันเป็น 0 ได้ ประชาชนได้ประโยชน์แล้วถ้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานเราเห็นว่าควรยกทิ้งไปเพราะไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนก็จะได้ประโยชน์ ผมจึงถามเริ่มต้นด้วยกองทุนอนุรักษ์พลังงาน โดยลำดับที่13-15 โดยคุณวีระ สมความคิดครับ
นายวีระ : คุณอย่าเพิ่งแทรกผมถาม คุณตอบ ผมขอถามผู้อำนายการสำนักนโยบายและแผนพลังงานหรือตัวแทนรัฐมนตรีพลังงาน จุดประสงค์หลักๆมีอะไรบ้างครับ
นายปิยสวัสดิ์ : ผมขอตอบในตารางเมื่อท่านขึ้นตารางราคาผมของกลับไปที่สไลด์เมื่อสักครู่นะครับ
นายวีระ : ผมถามตอบคำถามให้ตรงนะครับ ไม่ใช่หน้าที่นะครับ ผมอดทนมามากแล้วนะครับ ผมถามผู้อำนายการสำนักนโยบายและแผนพลังงานไม่ใช่คุณนะครับ
หลังจากคำถามนี้จบลงมีเสียงโห่ เสียงหัวเราะตามมาด้านหน้าเวทีทั้งผู้แสดงถึงความพอใจและไม่พอใจกับกรณีดังกล่าว และทำให้เวทีพลังงานนี้เดือดยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อประธานบอร์ด ปตท. หลุดคำพูดที่ทำให้ผู้เข้าร่วมเสวนาไม่พึ่งพอใจเป็นอย่างมากออกมา พร้อมมีการขอให้ถอนคำพูด
จากนั้น นายวีระ : เอกสารที่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบประเมินผลเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เอกสารเจ้าหน้าที่ขึ้นจอนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าเรากล่าวหาโดยที่ไม่มีหลักฐาน เพราะว่าตรงนี้ สตง.ได้ตรวจสอบและประเมินผลแล้ว เป็นการใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน สรุปหลักๆ มีการไปจ่ายค่านอกเวลาให้ลูกจ้าง อนุมัติเพียงครั้งเดียวและปฏิบัติราชการนอกเวลาทั้งปีงบประมาณมีหน่วยงานไหน สามารถทำเช่นนี้ได้บ้าง? ข้าราชการบางคนปฏิบัติงานปีละ 200 วัน หรือนำไปซื้อครุภัณฑ์ยางพาหนะ 3 ล้านกว่าบาท และรถอย่างอื่น หลักฐานทั้งหมด สตง.ชี้มาเลยว่าเป็นการใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์กองทุน และอีกมากมาย
หลวงปู่พุทธะอิสระ : ขออนุญาตเราตกลงกันแล้วว่าเราจะหาทิศทางพลังงานของบ้านเมือง ส่วนคำถามที่ถามไปคุยกันในศาลได้ไหม
นายวีระ : หลวงปู่ครับตรงนี้จะชี้ให้ประชาชนเห็นว่า ถ้ากองทุนเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานไม่ได้ทำตามวัตถุประสงค์เราเก็บเงินไปลิตรละ 25 สตางค์ ตอนนี้เก็บอยู่ถ้าไม่เก็บได้ไหม ผมสรุปว่ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไม่มีประโยชน์ ถ้ายกเลิก แล้วคืนเงินให้รัฐ สตง.ยืนยันแล้ว ไม่เก็บได้ไหม
นายปิยสวัสดิ์ : ความจริงคำถามที่ถามมา ไม่ได้มีในคำถามที่ได้ให้ในตอนแรก แต่ไม่ไม่เป็นไรผมจะตอบ อย่างไรก็ตามผมคิดว่า เพื่อความเป็นธรรมควรจะให้เราเห็นข้อมูลรายงาน สตง. ทั้งฉบับและถ้าหากมีใครทำผิดจริงๆแล้ว สตง.ก็ควรจะไปดำเนินตามกฎหมายเอาคนผิดเข้าคุกเข้าตารางไปเลย ไม่ต้องมาพูด "เห่าหอน" อยู่ข้างนอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหลังจากคำว่า “เห่าหอน” ของประธานบอร์ด ปตท.สิ้นสุดลง ประชาชนผู้ร่วมรับฟังต่างแสดงความไม่พอใจ และเรียกร้องให้นายปิยสวัสดิ์ถอนคำพูด ซึ่งทำให้เหตุการณ์ยืดเยื้อกันสักพักจนในที่สุดนายปิยสวัสดิ์ยอมถอนคำพูด แต่ประชาชนในไม่พึ่งพอใจเหตุแห่งการพูดเบาของนายปิยสวัสดิ์ จนในที่สุดหลวงปู่พุทธะอิสระจึงให้นายปิยสวัสดิ์กล่าวอีกครั้ง เสียงโห่ร้องจึงเงียบลง
ขณะที่บรรยากาศโดยรวมของช่วงบ่าย ก็เป็นไปอย่างเข้มข้นไม่แพ้กัน มีการเปิดตั้งกระทู้ถามสด และโต้เถียงกันทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้น ตัวแทนภาคประชาชนได้ออกมาเปิดแถลงข่าวนอกห้องประชุม เนื่องจากรู้สึกผิดหวังที่การเสวนาครั้งนี้ไม่ใช่เวทีที่จะให้ข้อมูลต่อประชาชนอย่างแท้จริง อีกทั้งปตท.ตอบยังไม่ครบถ้วน