ถอดบทเรียน"สพรั่ง" ไขปริศนา “ไพบูลย์” พ้น“กองทัพบก”สกัดรัฐประหารซ้อน?
ไขปริศนา“พล.อ.ไพบูลย์”ถูกเด้งพ้น“กองทัพบก” เบื้องหลังที่มา "เก้าอี้ รมว.ยุติธรรม -อวยพร ป๋าเปรม" หมุนกงล้อรัฐประหาร 49 บทเรียนจาก “พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร"
โผโยกย้ายนายทหารประจำปี 2557 ในยุครัฐบาลทหาร คลอดออกมาชนิดที่ปราศจาคความขัดแย้งตามหน้า “สื่อ” เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมทุกอย่างได้หมด
แถมยังวางฐานอำนาจในระยะยาวให้อยู่ภายใต้การดูแลของ “บูรพาพยัคฆ์” โดยเฉพาะ “พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา” ที่ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
รอเสียบในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแทน “พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผบ.ทบ.คนล่าสุด
ทว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้หลายคนยังสงสัยกันว่าเหตุใด “พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
จึงโดนเด้งจาก “กองทัพบก” จากที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ไปดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด?
ทั้งที่ใน “หัวใจ” ของ “พล.อ.ไพบูลย์” ไม่ได้อยากย้ายออกนอกไลน์ 5 เสื้อทบ.แม้แต่น้อย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมข้อมูลเบื้องหน้า-เบื้องหลัง มานำเสนอ พร้อมหมุนกงล้อประวัติศาสตร์เปรียบเทียบกับการโยกย้ายหลังการรัฐประหาร 2549 ณ ที่นี้
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันตามหน้าสื่อมาก่อนหน้านี้แล้วว่า “พล.อ.ไพบูลย์” ขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งผบ.ทบ. กับ “พล.อ.อุดมเดช” ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังจาก “คสช.” ยึดอำนาจจาก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
บทบาทของ “พล.อ.ไพบูลย์” ถูกโปรโมทตามหน้าสื่อมากมาย
เรียกได้ว่า “พล.อ.ไพบูลย์” เปรียบเสมือหัวหมู่ทะลวงฟัน ออกหน้าฉากแทน “คสช.” แทน “พล.อ.ประยุทธ์” เกือบทุกเรื่อง-ทุกประเด็น
ว่ากันว่า ระยะหลังมีกระแสข่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์” เริ่มจะคิดมากว่าอาจจะมีการ “รัฐประหารซ้อน” เพราะหากเลือกคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็น “ผบ.ทบ.” อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับอีกคน
สุดท้าย “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “พี่เลิฟ” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจเลือก “พล.อ.อุดมเดช” ขึ้นเป็นผบ.ทบ.
โดยสูตรของการแก้ไขปัญหาของคือปรับเปลี่ยน “พล.อ.ไพบูลย์” ไม่ให้อยู่ในฐานะที่จะมา “รัฐประหารซ้อน” ได้
ด้วยการโยกไปเป็นรองผบ.สส. หมดสิทธิคุมกำลังหลัก
โดยมีกระแสข่าวออกมาว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ไม่พอใจท่าทีของ “พล.อ.ไพบูลย์” อย่างมากคือการที่ “พล.อ.ไพบูลย์” ย่องเงียบเข้าไปอวยพร “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี ถึงบ้านสี่เสาเทเวศน์
เพราะนี่คือ นัยยะ สำคัญของ “พล.อ.ไพบูลย์” เกี่ยวกับตำแหน่งผบ.ทบ.
แถมยังมีการเคลื่อนไหวแปลกๆอยู่ เพราะมีคนไปเชียร์ให้ “พล.อ.ไพบูลย์” นั่งตำแหน่งผบ.ทบ. ถึงหน้าบ้าน “ป๋าเปรม”
ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องย้าย “พล.อ.ไพบูลย์” ไปพ้นทาง ดั่งสุภาษิตที่ว่า “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”
ชีวิตข้าราชการทหารของ “พล.อ.ไพบูลย์” จึงไม่ได้เกษียณอายุราชการใน “กองทัพบก” ดั่งที่ใจหวังเอาไว้
ทั้งนี้ หากหมุนเข็มนาฬิกากลับไปมองการโยกย้าย “นายทหาร” หลังการรัฐประหารในปี 2549 ที่ “พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน” นำกำลังทหารยึดอำนาจจาก “รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ” พี่ชายสุดที่รักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
มี “นายทหาร” 2 คน ที่ขับเคี่ยวแย่งชิงกันขึ้นดำรงตำแหน่ง “ผบ.ทบ.” คือ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” และ “พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร”
หากว่ากันตามยุทธศาสตร์แล้ว “พล.อ.อนุพงษ์” มีบทบาทในการคุมกำลังรัฐประหาร
ส่วนบทบาทของ “พล.อ.สพรั่ง” คือคนที่ออกมาท้าชนกับเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่าน “สื่อ” มากที่สุด เรียกได้ว่า ยอมเจ็บตัวมากที่สุดก็ว่าได้
โดยในที่สุด “พล.อ.สนธิ” เลือกที่จะส่งไม่ต่อให้ “พล.อ.อนุพงษ์” ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. จึงเลือกย้าย “พล.อ.สพรั่ง” ให้พ้นจาก “กองทัพบก” ไปดำรงตำแหน่ง “รองปลัดกระทรวงกลาโหม" เพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เข้าตำราสุภาษิต “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” เหมือนกัน
ซึ่งหลังจากโดยย้ายออกจาก “กองทัพบก” บทบาทของ “พล.อ.สพรั่ง” ลดลงทันที โดยเจ้าตัวเก็บตัวเงียบไม่ขอพูดจาพาทีกับใครทั้งสิ้น
หากมองย้อนประวัติศาสตร์โยกย้าย “นายทหาร” หลังจากการรัฐประหาร “หัวใจ” ของ “พล.อ.ไพบูลย์” คงเจ็บช้ำเหมือน “พล.อ.สพรั่ง” ไม่มีผิดเพี้ยน
เพียงแต่ว่า “พล.อ.ไพบูลย์” ยังได้รับการตอบแทนในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” ที่ยังพอปลอบใจให้สงบนิ่งได้บ้าง
พร้อมรับมอบภารกิจสำคัญ ในการไล่ล่าปราบปรามพวกทุจริตให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ ก็เป็น "วีรบุรุษ" ไม่แพ้ใคร
ทั้งหมดคือฉากหน้า-ฉากหลัง ที่ “พล.อ.ไพบูลย์” ต้องเจ็บช้ำ เมื่อกงล้อประวัติศาสตร์มักย้อนกลับมาที่เดิมเสมอ และไม่เคยปราณีใคร
แต่ “พล.อ.ไพบูลย์” ยังดีกว่า “พล.อ.สพรั่ง” หลายขุมนัก?