คำแก้ต่าง!นพ.ประเสริฐ โจทก์เก่า"ยิ่งลักษณ์" ปมบ.เมียขายไมค์หรูให้ครม.
“..ผมพูดจริงๆ นะ ไม่มีอะไรปิดบังเลย เรื่องไมโครโฟน ที่กำลังพูดถึงกันอยู่เนี่ย ผมรู้แค่ว่า มันเป็นรุ่นพิเศษที่สามารถตัดการดักฟังได้ ขณะที่บริษัทเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร จะไม่ซื้อก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ คสช. ว่ายังไงก็ว่าอย่างนั้นไม่มีปัญหาเลย ผมกับภรรยาก็รู้เรื่องแค่นี่แหละ..”
กำลังเป็นประเด็นร้อน ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน!
ต่อกรณีการจัดซื้อไมโครโฟนไฮเทค สำหรับห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในทำเนียบรัฐบาล ที่ถูกกล่าวหาว่ามีราคาสูงถึงเครื่องละ 1.4 แสนบาท
เนื่องจากปรากฎข้อมูลว่า หนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท อัศวโสภณ จำกัด ผู้จำหน่ายไมค์ดังกล่าว คือ นางมยุรี วศินานุกร เป็นภรรยา ของ “นพ.ประเสริฐ วศินานุกร” แพทย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกลุ่มผู้สนับสนุน กปปส. ซึ่งนำบุคลากรคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มาร่วมม็อบ กปปส.ที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนม.ค. 57 พร้อมกล่าวปราศรัยโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรง
ทำให้เกิดคำถามดังขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่งในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า มีกลุ่มบุคคลใด กำลังจะได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างจำนวนมาก จากการจัดซื้อไมโครโฟนไฮเทค ครั้งนี้หรือไม่
เข้าทำนอง "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" ?
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยัง “นพ.ประเสริฐ วศินานุกร” กลุ่มผู้สนับสนุน กปปส. เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดซื้อไมโครโฟนไฮเทคดังกล่าว ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฎอยู่ในเพจของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่นำไปโพสต์ไว้เพื่อให้คนในกลุ่มโทรศัพท์เข้าไปต่อว่า นพ.ประเสริฐ จากการกล่าวปราศรัยโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์
โดย “นพ.ประเสริฐ” รับสายด้วยตนเอง พร้อมกล่าวยอมรับว่า นางมยุรี ภรรยาของตน เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท อัศวโสภณ จำกัด ที่ถูกระบุว่าได้รับงานติดตั้งไมโครโฟนในที่ประชุมครม. ที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้จริง
แต่เขายืนยันว่า นางมยุรี ไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด
“บริษัท อัศวโสภณ เป็นของพ่อตาผม ภรรยาผมได้รับมอบหุ้นมรดกมาให้ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวอะไรกับบริษัทเลย"
น.พ.ประเสริฐ ยังกล่าวย้ำว่า เรื่องไมโครโฟนที่ปรากฏรายชื่อบริษัทอัศวโสภณเข้าไปรับงาน ภรรยาและผมก็เพิ่งทราบเรื่องเหมือนกัน
"พวกเราสองคนใช้ชีวิตและทำงานที่หาดใหญ่ นานๆจะเข้าไปที่กรุงเทพฯสักครั้ง ส่วนเรื่องบริษัท ปีหนึ่งภรรยาผมจะเข้าไปร่วมประชุมด้วยสักครั้ง ในช่วงที่มีการประชุมจ่ายเงินปั่นผลให้ผู้ถือหุ้นเท่านั้น”
เมื่อถามว่า นายไพศาล อัศวโสภณ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ เป็นใคร นพ.ประเสริฐ ตอบว่า เป็นพี่ชายของภรรยา ตอนนี้ดูแลบริษัทอยู่
ก่อนที่ นพ.ประเสริฐ จะชี้ประเด็นว่า เหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้ ถูกจุดขึ้นมาเป็นประเด็นทางสังคมในขณะนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากตัวเขาเป็นหลัก
“ผมรู้ดีว่ามีคนในกลุ่มผู้สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ เกลียดผม และไม่พอใจผมที่ไปปราศรัยโจมตีคุณยิ่งลักษณ์ ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. จึงพยายามเชื่อมโยงเรื่องนี้มาถึงผม ทันที่ที่เห็นว่าภรรยาผมเข้าไปถือหุ้นอยู่ในบริษัทแห่งนี้ด้วย”
“แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบที่เขาคิดกันเลย ภรรยาและผม ไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วย"
"เมื่อคืนภรรยาผมก็เพิ่งเอาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมาให้ดู และบอกว่าไม่สบายใจมาก ที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เพราะเขา พยายามจะใช้ภรรยาผม มาเป็นเครื่องมือในการเล่นงานผมแบบนี้”
“พวกเขาคงจะเกลียดผมมากที่ไปต่อว่าคุณยิ่งลักษณ์ให้เสียหาย เลยจะมาเอาคืนผม และมาทำให้ภรรยาผมเจ็บ แต่ผมไม่กังวลอะไรหรอกเพราะมันไม่ใช่ความจริง และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ยืนยันว่าจะพูดถึงคุณยิ่งลักษณ์แบบนั้นอีก ผมไม่เสียใจอะไรที่พูดออกไป เพราะผมเห็นว่าสิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ทำไว้มันไม่ถูกต้องหลายเรื่อง อย่างเรื่องข้าว ทุกคนก็เห็นแล้วว่ามันมีความเสียหายเกิดขึ้นมากขนาดไหน ตัวเลขมันออกมาเป็นแสนล้านบาท”
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าภรรยา ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวการบริหารงานของบริษัทเลย นพ.ประเสริฐ ตอบว่า “ผมพูดจริงๆ นะ ไม่มีอะไรปิดบังเลย เรื่องไมโครโฟน ที่กำลังพูดถึงกันอยู่เนี่ย ผมรู้แค่ว่า มันเป็นรุ่นพิเศษที่สามารถตัดการดักฟังได้ ขณะที่บริษัทเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร จะไม่ซื้อก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ คสช. ว่ายังไงก็ว่าอย่างนั้นไม่มีปัญหาเลย ผมกับภรรยาก็รู้เรื่องแค่นี่แหละ”
“แต่ถ้าคุณซึ่งเป็นสื่อมวลชน จะพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็น เอาภรรยาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง มาทำร้ายภรรยาผม พวกคุณก็ทำบาปมาก เพราะภรรยาผมเขาบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ให้ความเป็นธรรมกันหน่อย ใครจะมาว่ากล่าวหรือด่าผม เรื่องที่ผมไปต่อว่าคุณยิ่งลักษณ์ อยากให้ทุกคนเกลียดผม ก็ว่ากันไปเถอะ ผมไม่สนใจหรอก"
"เพราะผมพูดความจริง ผมเห็นว่าสิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ เขาทำไม่ถูกต้อง ผมมีสิทธิ์ที่จะต่อว่าเขา แต่เรื่องนี้ภรรยาผมไม่ผิด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ข้อเท็จจริงมันต่างกันมาก จะเอามาโยงกันไม่ได้”
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจระบุว่า บริษัท อัศวโสภณ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2511 มีทุน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 50-52 ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครแจ้งประกอบธุรกิจ ขายส่ง-ปลีกเครื่องเสียงและลำโพง - ค้าปลีก,ค้าส่ง ปรากฏชื่อ นายไพศาล อัศวโสภณ นางสาวอุไร อัศวโสภณ และ นางมยุรี วศินานุกร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เม.ย.57 นาย ไพศาล อัศวโสภณ ถือหุ้นใหญ่สุด 2,385 หุ้น (มูลค่า 2,385,000 บาท) ส่วนนาง มยุรี วศินานุกร ถือหุ้นอยู่จำนวน 650 หุ้น (มูลค่า 650,000 บาท )
ทั้งนี้ บริษัทฯ แจ้งงบดุลล่าสุด ในปี 2554 ระบุว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 329,139,150.11 มีกำไรสุทธิ 32,609,110.27 บาท
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวความสัมพันธ์ระหว่าง บริษัท อัศวโสภณ จำกัด กับ นพ.ประเสริฐ ผู้สนับสนุนกลุ่ม กปปส. ที่ถูกเชื่อมโยงผ่านการจัดซื้อไมโครโฟนราคาแพง เพื่อใช้ในการประชุม ครม. รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 1 ที่จะเริ่มต้นเป็นทางการ นัดแรกในวันที่ 9 ก.ย. นี้
ส่วนเหตุผลว่าทำไม การจัดซื้อไมโครโฟนครั้งนี้ ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างเป็นทางการ แต่กลับมีเครื่องเข้าไปติดตั้งได้ก่อน ยังเป็นประเด็นที่ต้องรอฟังคำชี้แจงจากผู้รับผิดชอบอีกครั้ง?
(อ่านประกอบ : ‘ม.ล.ปนัดดา’ เตรียมตรวจสอบทุกข้อสงสัย ปมจัดซื้อไมค์ประชุมครม.)