สรุปเด็ก14 ถูกจนท.ยิง-ยัดปืนเถื่อนที่ศรีสาคร ถล่ม อส.ดับ ลูกสาว10ขวบเจ็บ
ทางการแถลงแล้ว เด็กชายวัย 14 ปีถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตหน้าฐานทหารพราน ไม่ใช่การปะทะ แถมสร้างหลักฐานเท็จเอาปืนเถื่อนยัดมือ ตั้ง 4 ข้อหาฉกรรจ์ อส.ทพ.ฉาว ผู้บังคับบัญชาแจงเป็นการปฏิบัติตามยุทธวิธีเมื่อมีเสียงปืนดัง ยันทำความเข้าใจพร้อมช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ตายแล้ว ศอ.บต.จ่าย 5 แสน ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังป่วน ยิงถล่ม อส.ทุ่งยางแดงดับ ลูกสาว 10 ขวบเจ็บ ขยายผลรวบมือระเบิดรับผิดชอบพื้นที่ 3 อำเภอ
ข่าวคราวที่เกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลากหลายเรื่องราว แม้ว่าความรุนแรงจากกลุ่มก่อความไม่สงบจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม
เรื่องแรก กรณีมีเยาวชนวัย 14 ปี คือ ด.ช.มูฮัมหมัดอาซูวัน ซอเฮาะ ถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 21 ส.ค.57 บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4916 (ร้อย ทพ.4916) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 (ฉก.ทพ.49) โดยทางฝ่ายทหารพรานอ้างว่าเยาวชนดังกล่าวกับพวกที่หลบหนีไปซึ่งมีรถจักรยานยนต์หลายคันเป็นพาหนะ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงถล่มฐาน จนเกิดการยิงปะทะ ทำให้เยาวชนรายนี้เสียชีวิต ในมือกำปืนพกขนาด 11 มม. ขณะที่ญาติของผู้ตายไม่เชื่อ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทำให้ฝ่ายความมั่นคงใน จ.นราธิวาส นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด รับตรวจสอบเรื่องนี้ โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายนั้น
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.57 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (บก.ภ.จว.นราธิวาส) นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พล.ต.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส (ผบ.ฉก.นราธิวาส) พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) และ พ.อ.กรกฎ ภู่โชติ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 49 (ผบ.ฉก.ทพ.49) ร่วมกันแถลงข่าว
พล.ต.ต.พัฒนวุธ กล่าวว่า ในคืนเกิดเหตุ 21 ส.ค.57 ได้รับแจ้งว่าฐานปฏิบัติการ ทพ. 4916 ถูกคนร้ายลอบยิง ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างคนร้ายกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าในคืนนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ภายในฐานยิงใส่กลุ่มรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีแสงไฟผ่านมาบริเวณด้านหน้า เนื่องจากคิดว่าเป็นกลุ่มคนร้าย และเมื่อทราบว่าเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ขับผ่าน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบและพบว่า ด.ช.มูฮัมหมัดอาซูวัน ซอเฮาะ อายุ 14 ปี เสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ และด้วยเกรงกลัวในความผิดฐานฆ่าคนตาย อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) เอกพจน์ สามานสวน ซึ่งเป็นผู้ยิง ได้สร้างหลักฐานเท็จด้วยการนำปืนพกสั้น 11 มม. ซึ่งเป็นปืนเถื่อนไปใส่ในมือผู้เสียชีวิต เพื่อสร้างสถานการณ์ว่ามีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จริง
จากข้อมูลส่วนนี้ อส.ทพ.เอกพจน์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายใน 4 คดี คือ ฐานฆ่าคนตาย, ฆ่าคนตายโดยเจตนา, มีอาวุธปืนผิดกฎหมายในครอบครอง และสร้างหลักฐานเท็จ
พล.ต.สิงหศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินการในคดีนี้ ทางหน่วยยึดหลักกฎหมาย ซึ่งจะต้องว่ากันไปตามความผิดที่เกิดขึ้น ขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุด อส.ทพ.เอกพจน์ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ โดยรอให้มีการสรุปคดีจากศาลก่อน ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตในเบื้องต้น ทางกองทัพบกและ ฉก.ทพ.49 ได้ช่วยเหลือไปแล้ว
นายศุภณัฐ กล่าวว่า คดีนี้ทางจังหวัดต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารพรานเบื้องต้นถือว่ากระทำตามหน้าที่ที่ได้รับการฝึกฝนมา โดยเฉพาะการตอบโต้เมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้น ส่วนกรณีปืน 11 มม.ที่มีการสร้างหลักฐานเท็จ ก็ต้องดำเนินการสอบสวนไปตามเจตนาของการกระทำ สำหรับการเสียชีวิตของ ด.ช.มูฮัมหมัดอาซูวัน ซอเฮาะ เบื้องต้นทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยา 500,000 บาท พร้อมมอบความช่วยเหลือด้านอื่นๆ ต่อไป
ด้าน พ.อ.กรกฎ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทางหน่วยรู้สึกเสียใจ ทั้งนี้พร้อมจะดูแลทั้ง 2 ฝ่ายอย่างดี ทั้งครอบครัวของเด็กที่เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่ทหารในสังกัด โดยเบื้องต้นหน่วยได้เข้าไปช่วยเหลือครอบครัวในการจัดการเรื่องศพ และดำเนินการจัดสร้างบ้านที่อยู่อาศัยให้กับครอบครัวซอเฮาะ เนื่องจากปัจจุบันพ่อกับแม่ของผู้เสียชีวิตทำงานในมาเลเซีย ขณะที่ลูก 3 คนอยู่กับตาและยาย
ส่วนการทำงานของ ฉก.ทพ.49 ยังคงทำงานได้ตามปกติ โดยมีการสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำตามยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกฝนมา
ยิงถล่มรถ อส.ทุ่งยางแดงดับ-ลูกสาว10ขวบเจ็บ
เรื่องที่ 2 คือ สถานการณ์ในพื้นที่ แม้ในช่วง 1-2 สัปดาห์มานี้จะไม่มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้น แต่ก็ยังคงมีเหตุร้ายรายประปราย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.57 เวลา 13.20 น. คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายบือราเฮง หะยีสะอะ อายุ 59 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 135/2 บ้านสุเหร่า หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ เสียชีวิตคาที่ เกิดเหตุขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนภายในหมู่บ้าน หลังเสร็จจากละหมาดที่มัสยิด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 20.00 น.วันเดียวกัน คนร้าย 6 คนมีรถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มรถของ นายมะรอวี สาแม อายุ 44 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ขณะขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิแบบ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กจ 62 ปัตตานี พร้อมด้วย ด.ญ.บิสมี สาแม อายุ 10 ขวบ ลูกสาว ออกจากบ้านในหมู่บ้านโต๊ะซูด หมู่ 6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล เนื่องจากลูกสาวป่วย
ทั้งนี้ กระสุนของคนร้ายทำให้ อส.มะรอวี เสียชีวิต ขณะที่ ด.ญ.บิสมี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากกระสุนที่เฉี่ยวสะโพก ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 5.56 มม. ซึ่งใช้กับอาวุธปืนเอ็ม 16 ถึง 43 ปลอก
ยิงใส่ร้านชำบันนังสตา-ป่วนระแงะ บันนังสตา
ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เวลาประมาณ 22.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ร้านขายของชำไม่มีเลขที่ บ้านอุแบ หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา ซึ่งเป็นของ นายรุสลี อภิบาลแบ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 บ้านอุแบ ตรงข้ามกับร้าน โดยขณะเกิดเหตุนายรุสดีพักผ่อนอยู่ภายในร้าน แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ช่วงค่ำวันเดียวกัน ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเผายางรถยนต์ 2 จุดในพื้นที่ ต.บาโงสะโต คาดว่าเป็นการก่อกวนสร้างสถานการณ์
ก่อนหน้านั้น เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 1 ก.ย. คนร้ายได้ก่อเหตุก่อกวนหลายจุดในพื้นที่ อ.บันนังสตา ทั้งพ่นสีสเปรย์บนพื้นถนน และเผายางรถยนต์ เหตุเกิดใน ต.บันนังสตา ต.บาเจาะ และ ต.เขื่อนบางลาง รวม 10 จุด
ยิงลูกจ้างกรีดยางเจ็บ 2 ที่จะแนะ
วันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค. เวลา 11.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิงชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในพื้นที่บ้านไอร์มาฆอ หมู่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ทราบชื่อคือ นายมะลาซิ จือมือรา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/2 หมู่ 6 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี และ นายมะซออี ซาเบะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 6 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ เช่นกัน เหตุเกิดขณะที่ทั้งคู่ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากกรีดยาง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 18.35 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายอับดุลรอแม ดีมูเละ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/2 บ้านตีบุ หมู่ 5 ต.ยะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนั่งดื่มน้ำชาภายในร้านน้ำชาเลขที่ 222 บ้านตูกู หมู่ 2 ต.ยะต๊ะ โดย นายอับดุลรอแม เพิ่งเสร็จจากการเตะฟุตบอล แล้วแวะนั่งดื่มน้ำชาพักเหนื่อย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปเหตุสังหารเช่นกัน
วันศุกร์ที่ 29 ส.ค. เวลา 23.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. และอาวุธปืนลูกซองยิง นายอิสรางค์ ซารีแปเร๊าะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 4 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นายรูดี สมะแอ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่บ้านและตำบลเดียวกัน เสียชีวิตอยู่บนทางหลวงหมายเลข 2040 จากหมู่ 5 ต.กาลิซา มุ่งหน้าไป อ.ศรีสาคร หลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปตั้งแต่เวลา 20.00 น.คืนเดียวกัน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
พบศพทหารพรานหลังหายตัวลึกลับ 5 วัน
เรื่องที่ 3 กรณี จ.ส.อ.นภสินธิ์ คำน้อง อายุ 49 ปี สังกัด ฉก.ทพ.33 หายตัวไปจากห้องพักอย่างลึกลับเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.57 ปรากฏว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 30 ส.ค. ร.ต.ต.สุริยา เกื้อดำ พนักงานสอบสวน สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งจาก นางอรทัย บำรุง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านนิคมกือลอง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา ว่า พบศพซึ่งคาดว่าเป็น จ.ส.อ.นภสินธ์ แล้ว โดยก่อนเสียชีวิต จ.ส.อ.นภสินธ์ เป็นหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่สื่อสาร ที่ตั้งฐานอยู่บนเทือกเขาปกโย๊ะ หมู่ 6 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จากนั้นมีผู้พบเห็นขาคนที่เสียชีวิตโผล่ออกมาจากในร่องหิน ห่างจากที่ตั้งฐานบนเขาปกโย๊ะ ประมาณ 1 กิโลเมตร
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดกู้ชีพกู้ภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รุดไปตรวจสอบ และนำศพขึ้นมาได้สำเร็จ พบว่าเป็นศพของ จ.ส.อ.นภสินธิ์ จริง จึงได้ส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลบันนังสตา เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
ขยายผลจับมือระเบิดสายบุรี-ไม้แก่น-กะพ้อ
เรื่องที่ 4 ผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง วันศุกร์ที่ 5 ก.ย.57 พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงถึงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย (พลเรือน ตำรวจ ทหาร) สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงตามหมายจับในพื้นที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 5 ก.ย.เวลา 01.20 น.ว่า ปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมแกนนำผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 1 คน คือ นายยัฟรี สารอเอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 3 ต.บือเระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม.ได้ 1 กระบอก และเครื่องกระสุน 35 นัด
จากการตรวจสอบแฟ้มประวัติที่ระบุพฤติการณ์ในขั้นต้นพบว่า ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่านายยัฟรีน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ โดยเป็นมือประกอบระเบิด รับผิดชอบพื้นที่ อ.สายบุรี อ.ไม้แก่น และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี มีหมายจับที่ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) จำนวน 9 หมาย
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า การจับกุมนายยัฟรี เป็นการขยายผลจากกรณีการจับกุม นายอาฟันดี กาพา และพวกรวม 3 คน พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน วัตถุระเบิด และอุปกรณ์ประกอบระเบิดได้เป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.สายบุรี โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก จึงไม่เกิดความสูญเสียขึ้น และนายยัฟรีจะได้รับการปฏิบัติในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม
แฉผู้ต้องหาขนปืนที่มาเลย์รวบตัวได้โยงเหตุยิงครู
เรื่องที่ 5 ด้านความคืบหน้ากรณีมีข่าวตำรวจและทหารมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยขณะข้ามเรือจากฝั่งไทยด้าน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไปยังฝั่งมาเลเซีย พร้อมยึดอาวุธปืนสงครามได้ 4 กระบอกนั้น (ตามข่าวของสองประเทศยังรายงานรายละเอียดไม่ตรงกันนัก โดยศูนย์ข่าวอิศราได้สรุปประเด็นไว้ อ่านได้ใน ไขปมมาเลย์เลื่อนถกเลขาฯสมช. จับตา"พูดคุยดับไฟใต้"ส่อสะดุด?)
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.เช่นกัน พ.อ.ปราโมทย์ แถลงเรื่องนี้ว่า ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวเป็นชาวไทยที่หลบหนีจากพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในพื้นที่หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหตุยิง นางสมศรี ธัญญะเกษตร ครูโรงเรียนบ้านโคกมือบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 มี.ค.57 และซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษของ สภ.ตากใบ เมื่อ 28 มิ.ย.57
สำหรับอาวุธปืนทั้ง 4 กระบอกที่ยึดได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหมายเลขประจำปืนและทะเบียนปืนว่าเป็นอาวุธปืนที่ปล้นชิงไปจากเจ้าหน้าที่หน่วยใด และเกี่ยวพันกับการก่อเหตุในคดีอะไรบ้าง โดยรายละเอียดในเชิงลึกของเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างประสานงานกับฝ่ายมาเลเซียเพื่อนำมาขยายผลต่อไป
ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่ทางการมาเลเซียระบุว่าหลบหนีไปได้นั้น พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำไปยังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ที่รับผิดชอบพื้นที่ อ.ตากใบ ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัยดังกล่าวให้ได้
"การจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงของไทยในพื้นที่มาเลเซียครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือของมาเลเซียที่ร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยที่ผ่านมาทางการไทยได้รับความช่วยเหลือจากประเทศมาเลเซีย และมีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอดอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุขที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน" พ.อ.ปราโมทย์ ระบุ
นอภ.ตากใบบอกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไม่ได้
นายสมศักดิ์ สิทธิวรการ นายอำเภอตากใบ กล่าวว่า ทางการไทยไม่สามารถขอตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมพร้อมอาวุธสงครามจากทางการมาเลเซีย เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้ เนื่องจากไทยกับมาเลเซียไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน การเอาผิดกับผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งถูกระบุว่าคือ นายอิสบูเลาะ บิน มูฮำหมัด อายุ 25 ปี จะเป็นไปตามกฎหมายมาเลเซีย ซึ่งมีโทษค่อนข้างหนัก
ส่วนปัญหาคนร้ายหลบหนีข้ามแดนไปกบดานยังประเทศมาเลเซีย เป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว ซึ่งบุคคลเป้าหมายที่หนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไทยหลายคนก็เป็นบุคคลสองสัญชาติ เมื่อก่อเหตุแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติทางฝั่งมาเลเซียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงอยากให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีอำนาจเต็ม แก้ไขเรื่องนี้ให้สำเร็จ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : การแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในจังหวัดนราธิวาส กรณีเยาวชนอายุ 14 ปี ถูกยิงเสียชีวิตปริศนาที่ อ.ศรีสาคร โดยคนกลางคือ พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส