'สนั่น' ดันสร้างเขื่อนเสือเต้นพิษณุโลกลุยบางระกำโมเดล
ผู้ว่าฯ พิษณุโลกเดินเครื่องบางระกำโมเดล ขณะที่ 'เสธ.หนั่น' ดันสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ชี้ 'ยิ่งลักษณ์' ไม่รู้ข้อมูล ปภ.เผยภาวะน้ำท่วม 13 จังหวัดยังอ่วมยอดตายพุ่ง 37
เผย 13 จว.ยังอ่วมตายพุ่ง 37
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารภัย (ปภ.) กล่าวถึงภาวะฝนที่ยังตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้ยังมีสถานการณ์อุทกภัยใน 13 จังหวัด 98 อำเภอ 680 ตำบล 5,083 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 385,214 ครัวเรือน 1,156,666 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 37 ราย สูญหาย 1 คน โดยจังหวัดที่ยังประสบภัยได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ นครนายก พระนครศรีอยุธยา ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อ่างทอง และปราจีนบุรี ทั้งนี้ ปภ.ได้สั่งการให้สำนักงาน ปภ. จังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน รวมถึงสนับสนุนเครื่องจักรกล เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุกน้ำออกให้บริการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง
22 ส.ค. เคาะเงินชดเชยเกษตรกร
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าว่า ในวันที่ 22 สิงหาคม จะสรุปตัวเลขอัตราการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ภายหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะยึดหลักการเดิมที่เคยให้ความช่วยเหลือในรัฐบาลชุดที่แล้ว คือ 55% ของต้นทุนการผลิต แต่เนื่องจากต้นทุนการผลิตในปี 2554 มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้ต้องคำนวณตัวเลขเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าตัวเลขการช่วยเหลือจะมากกว่าไร่ละ 2,098 บาท อย่างแน่นอนและการช่วยเหลือจะทำได้เร็วที่สุด เกษตรกรไม่ต้องรอนาน
นายธีระกล่าวว่า สำหรับปัญหาการทุจริตในขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมนั้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างเข้มงวด ให้นำข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศมาเปรียบเทียบด้วย หากพบว่าเกษตรกรรายใดแจ้งข้อมูลไม่ถูกต้อง จะถูกระงับการจ่ายเงิน และตรวจสอบอย่างละเอียดหากพบเจตนาทุจริตชัดเจน จะถูกดำเนินคดีทันที ส่วนข้าราชการที่มีส่วนรู้เห็น จะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะไม่รู้ว่าจะเลี้ยงไว้ทำไม พวกที่มาหากินกับความเดือดร้อนของเกษตรกรแบบนี้
แฉเตรียมทุจริตช่วยน้ำท่วม
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการกำหนดอัตราช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลในอัตราไร่ละกว่า 2,000 บาท เพราะอัตราช่วยเหลือเก่าไร่ละ 606 บาท ไม่เพียงพอสำหรับการปลูกข้าวในปัจจุบันที่มีต้นทุนสูงที่ไร่ละ 4,000-5,000 บาท หากได้รับความช่วยเหลือราคาใหม่น่าจะทำให้เกษตรกรอยู่รอดได้ ทั้งการใช้ชีวิตหลังน้ำลดและการเริ่มต้นปลูกข้าวครั้งใหม่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ ปัญหาทุจริตการจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกำหนดมาตรการป้องกันให้รัดกุมและเข้มงวด เพื่อให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง เงินภาษีประชาชนไม่รั่วไหลไปอยู่ในมือของกลุ่มคนที่จ้องจะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ยิ่งวงเงินช่วยเหลือสูงขึ้นก็ยิ่งล่อใจให้มีการทุจริตมากขึ้น
“เท่าที่ได้ข้อมูลในขณะนี้พบว่ามีหลายพื้นที่มีการเตรียมการทุจริตไว้แล้ว เช่น การแจ้งพื้นที่เสียหายเกินความจริงมี 5 ไร่ บอก 10 ไร่ บางพื้นที่น้ำท่วมไม่มากก็บอกว่าท่วมหมด รวมไปถึงการแจกสิ่งของช่วยเหลือที่เน้นแต่เกษตรกรที่เป็นพรรคพวกตนเองก่อน โดยมีทั้งข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง รัฐบาลต้องรีบเข้ามาหาทางป้องกันโดยด่วน” นายประสิทธิ์กล่าว
‘มาร์ค’ หนุนเขื่อนน้ำยมบน-ล่าง
เมื่อเวลา 14.15 น. ที่ศาลาการเปรียญวัดกอไผ่ หมู่ที่ 3 ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมผู้บริหารพรรคเดินทางนำถุงยังชีพ 1,000 ชุดไปแจกให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยระหว่างที่นายอภิสิทธิ์เดินลุยน้ำแจกของชาวบ้านที่จอดเรือรับถุงยังชีพ ได้มีนางมยุรี เศวตาศัย แกนนำคนเสื้อแดงอยุธยา 49 พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดง 5 คน ได้ชูป้ายมีข้อความว่า “ไม่ต้องพูด,ไม่เชื่อ,ไม่ต้องมาพูด อีก 91 ศพอยู่ที่ไหน” โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนประกบนางมยุรีอยู่ตลอดเวลา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนต้องการเร่งให้รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ ทั้งการชดเชยรายได้ พืชผลทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาเคยชดเชยให้ในอัตรา 2,000 บาท ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวและครบวงจรนั้นเห็นด้วยกับแนวคิดการสร้างเขื่อนแม่น้ำยมบนยมล่าง แทนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เพราะประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการสร้างเขื่อนขนาดเล็ก
ผู้ว่าฯเดินเครื่อง ‘บางระกำโมเดล’
ที่ จ.พิษณุโลก นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในเขต อ.บางระกำ ตามแผนบางระกำโมเดล ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยกให้เป็นพื้นที่นำร่องในการบูรณาการแก้ปัญหาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งเฉพาะหน้า กลาง และระยะยาว
นายปรีชากล่าวว่า ต่อจากนี้ไปจะใช้ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอบางระกำเป็นวอร์รูมสำหรับรายงานสถานการณ์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จะเชื่อมข้อมูลถึงกันระหว่าง อำเภอ จังหวัด และสำนักนายกรัฐมนตรี โดยครั้งนี้ได้เริ่มแผนบางระกำโมเดล เพื่อร่วมบูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วม ทั้งนี้ แนวคิดตนคือ water way หรือทางน้ำไหล เมื่อก่อนน้ำท่วมมาก็ลงทุ่งแล้วระบายลงไป แต่ปัจจุบันมีถนนสร้างมาเปรียบเสมือนเขื่อน ดังนั้น ต้องผันน้ำทางด่วนโดยขุดลอกคลองที่มีอยู่ให้น้ำไหลได้สะดวกขึ้น และขับจากแม่น้ำยมสู่แม่น้ำน่าน สู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งหน่วยงานด้านน้ำจะไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไร
‘สนั่น’ดันเขื่อนแก่งเสือเต้น
พล.ต.สนั่นกล่าวระหว่างเดินทางไปแจกถุงยังชีพที่ ต.หอไกร อ.บางมูลนาก กรณีเป็นผู้ผลักดันให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นว่า ตนได้เสนอรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ไม่สำเร็จ จนมาถึงรัฐบาลใหม่คงต้องหยิบยกขึ้นมาเสนอให้ทางคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง เพราะหากไม่สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น คนที่อยู่ลุ่มน้ำในแม่น้ำยมจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ถ้ามีการก่อสร้างจะช่วยแก้ปัญหาซ้ำซากได้ ซึ่งตนจะผลักดันการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นไม่ได้แก้ปัญหาน้ำท่วม พล.ต.สนั่นกล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้เพราะไปฟังใครเสนอแนะ ตนมองว่านายกฯยังไม่ทราบเรื่องนี้ดีในเรื่องของลุ่มน้ำแม่ยม และเรื่องแก่งเสือเต้นเป็นอย่างไร ถ้าไม่สร้างก็ควรชดเชยคนที่ได้รับผลกระทบหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นการขุดลอกหนอง คลอง บึง หรือทำแก้มลิง คนที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นล้านคน นายกฯจะต้องออกมาแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำยมให้ได้ อยากให้นายกฯแบะรัฐบาลฟังเสียงคนส่วนใหญ่ไม่ใช่ฟังแต่เสียงส่วนน้อย
วันเดียวกัน ร.ตอ.ธงชัย สวนนุ่ม ร้อยเวร สภ.ย่านยาว อ.เมืองพิจิตร ได้รับแจ้งมีคนตกน้ำบริเวณหมู่ที่ 4 ต.ย่านยาว จึงไปยังที่เกิดเหตุ เป็นบ้านติดริมแม่น้ำน่าน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันค้นหาผู้สูญหาย ทราบชื่อนายดาวเรือง มีสันเทีย อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 หมู่ที่ 4 ต.ย่านยาว จากการสอบสวนทราบว่า น้ำแม่น้ำน่านล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านนายดาวเรืองสูงกว่า 2 เมตร โดยนายดาวเรืองพยายามเก็บข้าวของและเกิดล้มพลัดตกจากบ้านจมน้ำไป